ผ่าคดีสกิมเมอร์เอทีเอ็ม แก๊งหมีขาวกดเงินทั่วปท. ผงะตร.ไทยร่วมทีมด้วย!
เมืองไทยซึ่งอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรม ชาติอันสวยงาม เป็นที่หลงใหลของผู้คนทั่วโลกนับล้านคนที่หลั่งไหลมาเยือนเป็นประจำทุกปี
ด้วยการเดินทางเข้า-ออกได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้มิจฉาชีพกลุ่มหนึ่งยึดเอาไทยเป็นแหล่งก่ออาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบต่างๆ
แต่ก็ไม่อาจพ้นเงื้อมมือตำรวจไทยไปได้
ผลงานล่าสุดคือบุกจับแก๊งหมีขาว ที่ใช้บัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตปลอมตระเวนกดเงินไปทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท
แต่สิ่งที่น่าตกใจคือ มีตำรวจไทยนอกแถวเข้าไปร่วมอยู่ในวงจรอุบาทว์ของแก๊งนี้ด้วย
เหตุการณ์ทลายคนร้ายแก๊งหมีขาวรายนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุรพล หอมชื่นชม ผบก.ปอศ. พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายอังเดร เวเรเทลนิคอฟ อายุ 46 ปี สัญชาติรัสเซีย
ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราช สีมา พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ชนิดมีแถบแม่เหล็กจำนวน 16 ใบ โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 3 เครื่อง และแฟลชไดรฟ์ 3 อัน
ซึ่งนายอังเดรถูกเพื่อนร่วมแก๊งที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ให้การซัดทอดถึง จนเจ้าหน้าที่บุกไปจับตัวภายในโรงแรมแอมบาสเดอร์ ซอยสุขุมวิท 11 ที่ใช้เป็นแหล่งกบดาน
จุดเริ่มต้นของคดีนี้มาจาก พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ภาค 3 และพล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผบก.ตม.4 สตม.สืบทราบว่ามีกลุ่มคนร้ายชาวต่างประเทศใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเอทีเอ็มปลอมตระเวนกดเงินตามตู้กดเงินของธนาคารต่างๆ ทั่วประเทศแล้วหลบหนีเข้ามากบดานอยู่ใน จ.นครราชสีมา จึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบกระจายกำลังเฝ้าจับตาดูตู้เอทีเอ็มตามจุดต่างๆ
กระทั่งเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 17 พ.ย. พบนายวาซิลี อิวานนอฟ อายุ 27 ปี และ นายเซอร์กี้ ปีเตอร์เนฟ อายุ 38 ปี ชาวรัสเซีย ยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มที่เกิดเหตุ ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น
กระทั่งพบว่าทั้งคู่มีบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มอยู่ในกระเป๋ามากกว่า 100 ใบ และเงินสดอีก 5 หมื่นบาท!!?
ระหว่างกำลังตรวจค้น มีรถโตโยต้า วิช สีบรอนซ์ ทะเบียน สร 5501 กรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาจอดดูเหตุการณ์ ก่อนรีบขับหลบไป เจ้าหน้าที่จึงวิทยุแจ้งสกัดจับจนเกิดการขับรถไล่ล่ากันอยู่พักใหญ่
กระทั่งรถคันดังกล่าวไปจนมุมในพื้นที่ สภ.โพธิ์กลาง
ตรวจค้นภายในรถพบบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มปลอมกว่า 200 ใบ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และเงินสดอีก 2,800,000 บาท
แต่สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมต้องตกใจก็คือ ชายหนุ่มผู้ขับรถคันดังกล่าวคือ ด.ต.นนทพันธ์ แสงสุข อายุ 37 ปี สังกัดตำรวจท่องเที่ยว
นายดาบตำรวจนอกแถวสาร ภาพว่าเข้ามาร่วมแก๊งชาวรัสเซียทั้งคู่เพราะก่อนหน้านี้ เคยจับกุมทั้งคู่ในข้อหาใช้บัตรเครดิตและบัตรเอที เอ็มปลอม
แต่แก๊งคนร้ายพูดจาเกลี้ยกล่อมให้ร่วมงานด้วยกัน โดยเสนอส่วนแบ่งให้ 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่กดได้ในแต่ละครั้งจึงร่วมมือด้วย โดยทำหน้าที่เป็นคนขับรถรับส่งไปก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ
หากพบด่านตรวจค้นจะอ้างว่าพานักท่องเที่ยวไปส่ง เพื่อเป็นการตบตาตำรวจด้วยกัน!!?
ต่อมาวันที่ 18 พ.ย. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม.ก็คุมกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหาชาวรัสเซียทั้งคู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนนราธิวาสราชนครินทร์ เขตสาทร กรุงเทพฯ
พบเงินสด 1,577,000 บาท และเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ยูเออี รัสเซีย อีกจำนวนหนึ่ง
นายวาซิลีและนายเซอร์กี้ยังให้การซัดทอดว่า เงินที่กดได้ทั้งหมดส่งต่อไปให้นายอังเดร ผู้ต้องหารายล่าสุด กระทั่งเจ้าหน้าที่วางแผนบุกเข้าตะครุบตัวได้คารังขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ
เพราะพบตั๋วเครื่องบินกลับประเทศรัสเซียในวันที่ 28 พ.ย.นี้ด้วย
นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่า คนร้ายแก๊งนี้ตระเวนก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมานานกว่า 1 ปีแล้ว มูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 พันล้านบาท!!?
หลังจากนี้จะเค้นปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดเพื่อลากคอจอมบงการที่อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดี และติดตามทรัพย์สินทั้งหมดกลับคืนมาให้มากที่สุด
นับเป็นอีกหนึ่งผลงานอันสดสวยของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไทย
ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 00:01 น.
ที่มา :
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNE5UTXdNekUwT0E9PQ==§ionid=