• Welcome to เว็บบอร์ด ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5.
 

ข่าว:

ศพฐ.5 ยินดีต้อนรับ

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - admin_01

#82
ค่าดัชนีมวลร่างกาย(Body Mass Index : BMI)

BMI เป็นค่ามาตรฐานสากลที่ใช้ในการประเมินภาวะอ้วนและผอมในผู้ใหญ่ ที่มีอายุ ตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป โดยใช้น้ำหนักตัวสัมพันธ์กับความสูง

Body Mass Index (BMI) คือ ดัชนีมวลกาย = น้ำหนักตัว(กิโลกรัม)/ความสูง(เมตร)ยกกำลังสอง





ดาวน์โหลด BMI.swf (ขนาดไฟล์ 5.77kb) [idl]http://www.scdc5.forensic.police.go.th/BMI.rar[/idl]

#83

ปิดตำนาน "ฮอตเมล์" สู่ "เอาต์ลุก-ใหม่" อวสานและการเริ่มต้นใหม่

รายงานพิเศษ
จันท์เกษม รุณภัย รายงาน

-----------------
      



ข่าวสารในแวดวงไอทีทุกค่ายยืนยันเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า

"ฮอตเมล์" เว็บเมล์อันดับต้นๆ ของโลก นั้นเดินทางมาถึงคราวอวสาน-ปิดตัวลงในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้แน่นอน หลังให้บริการมานาน
นับเป็นข่าวสะเทือนวงการอีกครั้งจากฟาก "ไมโครซอฟท์" ยักษ์ใหญ่วงการคอมพิวเตอร์ที่กำลังดิ้นรนแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดของตัว เองกลับคืนมา

ต่อเนื่องจากประกาศสุดช็อก ขีดเส้นตายปิดให้บริการ "วินโดว์ส ไลฟ์ เมสเซ็นเจอร์" (ดับเบิ้ลยูแอลเอ็ม/เอ็มเอสเอ็น)

ทำให้ผู้บริโภคต้องหันไปใช้ "สไกป์" แทน

จนผู้ใช้บางส่วนรู้สึกปรับตัวไม่ทัน

การปิดตัวลงของฮอตเมล์ เกิดขึ้นหลัง ความพ่ายแพ้ต่อ "จีเมล์" เว็บเมล์ที่พัฒนาโดย "กูเกิ้ล" บิ๊กเบิ้มวงการเสิร์ชเอ็นจิ้น ที่มียอดผู้ใช้งานแซงทะลุ 425 ล้านแอ๊กเคาต์ไปตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2555 คว้าอันดับเว็บเมล์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกมาครองแทน ฮอตเมล์

ส่งผลให้ไมโครซอฟท์ตัดสินใจปฏิรูประบบการให้บริการอีเมล์ของตัวเองอีกครั้ง แม้จะเพิ่งผ่าตัดใหญ่ ฮอตเมล์ ไปเมื่อเดือนต.ค. 2554

โดยการปรับปรุงระบบ "ฟรีอีเมล์" ครั้งล่าสุดนี้ มีข่าวว่าไมโครซอฟท์หวังจะได้ใจ ผู้บริโภคกลับคืนมา ภายใต้ชื่อแสนคุ้นเคยอย่าง "เอาต์ลุก" ที่ไส้ในนั้นถูกดีไซน์มาแบบใหม่ถอดด้าม เน้นความเรียบง่ายและทันสมัย มีการตอบสนองว่องไว กระฉับกระเฉง


ไมโครซอฟท์ ระบุว่า เสียงตอบรับ "เอาต์ลุก" ตัวใหม่ ซึ่งจะมาใช้แทนที่ฮอตเมล์นั้น "เสียงตอบรับ" อยู่ในขั้นน่าพอใจมากทีเดียว

เพราะหลังการเปิดตัวทดลองใช้เพียง 6 เดือน ก็สามารถดึงดูดให้มีผู้มาลงทะเบียนกว่า 60 ล้านแอ๊กเคาต์ไปเรียบร้อย และกำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย 1 ใน 3 ของผู้ลงทะเบียนเปลี่ยนมาจากจีเมล์ ทำให้ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศแผนให้เอาต์ลุก "เขมือบ" ฐานข้อมูลแอ๊กเคาต์ของผู้ใช้บริการฮอตเมล์ ทั้งหมดภายในเดือนเม.ย.นี้ เป็นต้นไป ถือเป็นการประกาศศึกท้าชนรอบใหม่กับจีเมล์!

ฮอต เมล์ นับเป็นหนึ่งในเว็บไซต์ให้บริการอีเมล์ หรือเว็บเมล์แบบ "สแตนด์-อโลน" ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก รุ่นราวคราวเดียวกับ "ยาฮู! เมล์" (ร็อกเกตเมล์)

ก่อตั้งโดยชาวสหรัฐ 2 คน ได้แก่ นายซาเบียร์ บาเตียร์ และ นายแจ๊ก สมิธ

เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ 4 ก.ค. 2539 ตรงกับ "วันชาติสหรัฐ" เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพในการใช้บริการอีเมล์ที่ไม่ขึ้นตรงกับผู้ให้ บริการอินเตอร์เน็ต หรือไอเอสพี และทำให้ผู้ใช้บริการทั่วโลกสามารถเข้าถึงอีเมล์ของตัวเองได้ทุกที่ ทุกเวลา

ซึ่งคำว่า "ฮอตเมล์" ถูกเลือกขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับ "เอชทีเอ็มแอล" ที่เป็นภาษาดิจิตอลซึ่งใช้เขียนเว็บไซต์ (HoTMaiL) โดยให้พื้นที่เก็บข้อมูลแก่ผู้ใช้บริการ แอ๊กเคาต์ละ 2 เมกะไบต์

ต่อมาเพียง 1 ปี หลังเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ ฮอตเมล์มีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกถึง 8.5 แอ๊กเคาต์ทั่วโลก ก่อนจะถูกขายให้กับไมโครซอฟท์ไปในราคา 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.2 หมื่นล้านบาท (ค่าเงินปัจจุบัน) เมื่อเดือนธ.ค. 2540 และถูกผนวกรวมกับเข้ากับบริการ "ไมโครซอฟท์ เน็ตเวิร์ก" หรือเอ็มเอสเอ็น ต่อมาเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในระยะเวลา 2 ปี มีแอ๊กเคาต์เพิ่มเป็น 30 ล้านแอ๊กเคาต์ ผงาดเป็นเว็บเมล์ที่มียอดผู้ใช้บริการมากที่สุดในโลก

กระทั่งในปี 2547 บริษัทกูเกิ้ล ได้เปิดตัว "จีเมล์" ที่มีจุดเด่นเหนือกว่าทั้งในด้านขนาดความจุ ความรวดเร็ว และความยืดหยุ่นของข้อมูล ก่อให้เกิดกระแสการแข่งขันการพัฒนานวัตกรรมด้านการให้บริการอีเมล์อย่างดุ เดือด ระหว่างจีเมล์ ยาฮู!เมล์ และฮอตเมล์ ที่ต่างทยอยเพิ่มขนาดความจุ ปรับปรุงความเร็ว และเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้อย่างต่อเนื่อง

แต่ในที่สุดยอดผู้ลงทะเบียนของจีเมล์แซงหน้าฮอตเมล์ และยิ่งทิ้งห่างไปอีก ภายหลังสมาร์ตโฟนที่ใช้โอเอส "แอนดรอยด์" ของ กูเกิ้ล ซึ่งแนะนำให้ผู้ใช้งานสมัครเป็นสมาชิกจีเมล์ ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น

ไมโครซอฟท์ ระบุว่า การเปลี่ยนผ่านจากฮอตเมล์สู่เอาต์ลุกดังกล่าวจะมีความราบรื่น โดยอีเมล์ แฟ้มงาน และข้อมูลการติดต่อ รวมทั้งการตั้งค่าต่างๆ ตลอดจนระบบตอบกลับอัตโนมัติ จะยังคงอยู่เหมือนเดิม

สมาชิกฮอตเมล์สามารถเข้าใช้แอ๊กเคาต์ของตัวเองได้ตามปกติที่ www.outlook.com แทน ด้วยชื่อแอ๊กเคาต์และรหัสผ่านเดิม

นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้นำข้อติชมต่างๆ จากผู้ใช้บริการจริงมาปรับปรุงระบบและรูปแบบต่างๆของเอาต์ลุกด้วย

ดังนั้นผู้ใช้ ฮอตเมล์ ทั้งหลายอย่างเพิ่งอึดอัด สับสน ตระหนก วิตก ระแวง จนเกินไป

สําหรับฟีเจอร์เด่นๆ ของ เอาต์ลุกใหม่ ได้แก่ "สวีป" ที่ทำให้ ผู้ใช้ตั้งค่าการปฏิบัติต่างๆ ต่ออีเมล์แต่ละฉบับที่ถูกส่งเข้ามาโดยอัตโนมัติ เพื่อแก้ไขปัญหา "ขยะท่วม" กล่องอีเมล์ เนื่องจากพบว่า อีเมล์กว่าร้อยละ 80 ในกล่องของผู้ใช้นั้นเป็นอีเมล์เกี่ยวกับการโฆษณาและธุรกิจเชิญชวน

อีกฟีเจอร์หนึ่ง คือ การลดโฆษณา หรือ "แอดส์" ที่ติดมากับอีเมล์ ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้
และ เอาต์ลุก ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอ๊กเคาต์ของบริการเครือข่ายสังคมที่ได้รับความนิยม สูง เช่น Facebook, LinkedIn, Sina weibo และ Twitter ของผู้ใช้ได้ ซึ่งทำให้ลดปัญหาแอดส์น่ารำคาญลงได้เฉลี่ยร้อยละ 60

ขณะที่ "สกายไดรฟ์" หรือ บริการสำหรับเก็บข้อมูลไว้บนเซิร์ฟเวอร์ (คลาวด์) ก็จะเชื่อมต่อเข้ากับเอาต์ลุกด้วย เพื่อให้ข้อมูลที่ผู้ใช้เคย "อัพโหลด" ไว้ สามารถถูกนำไปแบ่งปันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

ที่สำคัญคือ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแนบไฟล์ส่งที่มีขนาดสูงสุดได้ถึง 300 เมกะไบต์! (จีเมล์ให้แค่ 25 เมกะไบต์) และความจุกล่องอิน บ็อกซ์ 5 กิกะไบต์ ที่จะเพิ่มขึ้นตามการใช้งาน พร้อมระบบ "เอ็กซ์เชนจ์ แอ๊กทีฟ ซิงก์" ที่เชื่อมต่อครบวงจรทั้งอีเมล์ รายชื่อติดต่อ และปฏิทินในสมาร์ตโฟนที่ใช้โอเอสเป็นวินโดว์ส หรือที่นิยมเรียกว่า "วินโดว์ส โฟน"

ด้านรูปลักษณ์ใหม่ของเอาต์ลุก นั้นมีลักษณะเหมือนกับ "วินโดว์ส 8" ระบบปฏิบัติการ หรือโอเอสใหม่ ของไมโครซอฟท์ คือเป็น "เมโทร-สไตล์" ที่เน้นความเรียบหรู แลดูไม่รกหูรกตา

โดยผู้ใช้สามารถเข้าสู่เมนูหลักได้ที่บริเวณมุมซ้ายบน จะมีเมนูเลื่อนลงมา ประกอบด้วย 4 โหมด ได้แก่ "Mail" "People" "Calendar" และ "SkyDrive" สำหรับตรวจอีเมล์ เชื่อมต่อเว็บไซต์เครือข่ายสังคมสร้างปฏิทินเตือนความจำ และบริการเก็บข้อมูลแบบคลาวด์ ตามลำดับ



นอกจากนี้ แอ๊กเคาต์ของเอาต์ลุกจะผนวกเข้ากับแอ๊กเคาต์ของ "เอ็กซ์ บ็อกซ์ ไลฟ์" และแอพพลิเคชั่นพื้นฐานต่างๆ ในวินโดว์ส 8 ด้วย

ส่วนลักษณะภายใน "อิน บ็อกซ์" ที่เป็นส่วนเก็บอีเมล์ทั่วไป ถูกออกแบบมาให้มีความรวดเร็วและง่ายต่อการอ่าน ผู้ใช้เลือกปรับเปลี่ยนสีพื้นฐานต่างๆ ได้ โดยบริเวณขอบด้านบนสุดถูกออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัด เพื่อเพิ่มเนื้อที่แสดงอีเมล์ด้านล่างให้แลเห็นเด่นชัดยิ่งขึ้น

ไมโครซอฟท์ ระบุด้วยว่า จะไม่มีโฆษณา หรือแอดส์ติดมาอย่างสิ้นเชิง และจะ "ไม่มีการเก็บข้อมูลใดๆ ของผู้ใช้เพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้โฆษณาต่างๆ" เหมือนกับที่จีเมล์ทำอยู่

รวมทั้งเอาต์ลุก ยังทำงานอยู่บนโปรโต คอลแบบ "เอชทีทีพีเอส" ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าโปรโตคอลแบบ "เอชทีทีพี" ที่ใช้กันทั่วไป เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมล์ของผู้ที่มีรายชื่อบันทึกอยู่ใน "คอนแท็กต์" ระบบจะแสดงข้อมูลทางด้านเครือข่ายสังคมที่ผู้ใช้มีกับรายชื่อนั้นเพื่อให้ สามารถติดต่อกันได้อีกทางหนึ่งด้วย



นายไมเคิล มัชมัวร์ กูรูไอทีจากเว็บไซต์พีซีแม็กของสหรัฐ ระบุภายหลังทดลอง ใช้ว่า บริการเว็บเมล์ใหม่ของไมโครซอฟท์ เป็นการผสมผสานกันระหว่างความรวดเร็ว เรียบง่าย และเครื่องมือการคัดกรองอีเมล์ที่ยอดเยี่ยม การเชื่อมต่อเครือข่ายสังคม และสกายไดรฟ์

แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ไม่มีตัวเลือก และลูกเล่นให้ผู้ใช้ปรับแต่งมากเท่าที่ควร

นายมัชมัวร์กล่าวว่า สิ่งที่ผู้ใช้บริการเว็บเมล์ต้องการส่วนใหญ่ คือ ความสะดวกรวดเร็ว ความสะอาดตา และความชัดเจน รวมทั้งความง่ายในการใช้งาน ตลอดจนการเชื่อมต่อเครือข่ายสังคม การบริการเก็บข้อมูลคลาวด์ พร้อมระบบการสนทนาออนไลน์ และความเร็วที่เหนือชั้นในการเปิดอ่านอีเมล์...

เอาต์ลุกเป็นเว็บเมล์ที่มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้บริโภค!

"เรียบง่าย แต่เปี่ยมด้วยพลัง" นายมัชมัวร์กล่าว



อย่างไรก็ตาม นายชาลส์ คิง นักวิจัยการตลาดไอทีจากบริษัท พันด์-ไอที เห็นว่า ผู้ที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการเปลี่ยนผ่าน ครั้งนี้ คือ ผู้ใช้บริการฮอตเมล์ เนื่องจากจะถูกย้ายไปใช้แพลตฟอร์มใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงมาจากข้อบกพร่อง ของฮอตเมล์

จุดมุ่งหมายของไมโครซอฟท์ คือ มุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้บริโภคใหม่และทำให้คนกลุ่มนี้ภักดีกับแบรนด์เอาต์ลุก

นายคิงชี้ว่า เอาต์ลุกเป็นเว็บเมล์ที่ดี และอาจถึงขั้นยอดเยี่ยมด้วย ทว่าเอาต์ลุกยังขาดเสน่ห์แรงๆ ที่จะจูงใจให้ผู้ใช้บริการเก่าอื่นๆ ยอมสละเวลามาสมัครอีเมล์ใหม่ เว้นเสียแต่ว่าผู้ใช้บริการเก่าเหล่านั้นจะผิดหวังกับเว็บเมล์ปัจจุบันเอา มากๆ นอกจากนี้ การสมัครใหม่ยังหมายถึงปัญหาการติดต่อจากผู้อื่น ทำให้ผู้สมัครใหม่ต้องเสียเวลามานั่งคอยบอกอีเมล์ใหม่ให้กับผู้ติดต่อทุกคน

"นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมไมโครซอฟท์ถึงแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการเชื่อมต่อกับ เครือข่ายสังคมออนไลน์ รวมทั้งการใช้เรื่องไม่มีแอดส์เป็นจุดขาย เพราะต้องการทำให้ผู้บริโภคมองว่าการใช้อีเมล์ของเจ้าอื่นๆ ทำให้ข้อมูลของตนถูกละลาบละล้วง จนรู้สึกไม่พอใจ และในที่สุดก็อาจเปลี่ยนมาใช้เอาต์ลุกแทน" นายคิงกล่าว

   
ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 00:34 น. 

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMk1UZ3hNemc0TWc9PQ==&sectionid=
#84
เว็บสร้าง XML sitemap







#85
"ปานศิริ" สั่งตำรวจทั่วประเทศใช้โปรแกรม LINE รายงานอาชญากรรม



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) มีโทรสารสั่งการในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึง ผบช.น. ผบช.ภ.1-9 ผบช.ศชต. ลงวันที่ 12 ธันวาคม ใจความว่า ตามที่ ตร.มีข้อสั่งการให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยการประยุกต์กับโปรแกรมบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันมีระบบการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลที่สามารถตอบสนองต่อความ ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการใช้บริการโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย นอกเสียจากค่าบริการอินเตอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันหน่วยงานใน ตร. ได้แก่ บช.ภ.3 และ ภ.4 ใช้ประโยชน์จากโปรแกรมไลน์ (line) ในการบริหาร สั่งการแล้วเกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานเป็นอย่างดี

โทรสารสั่งการดังกล่าว ระบุต่อไปว่า เพื่อให้การปฏิบัติงานในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ เข้าถึงข้อมูลติดต่อสื่อสารง่าย รวดเร็ว จึงให้ ผบช.จัดประชุมกำหนดแนวทางในการนำเอาระบบโปรแกรม line มาใช้ นอกเหนือจากโปรแกรมการติดต่อสื่อสารปกติ โดยแบ่งเครือข่ายเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มระดับ บช.ภ. ตั้งแต่ ผบช.-ผบก. 2.กลุ่มระดับ บก./ภ.จว. ตั้งแต่ระดับ ผบก.-สว.หัวหน้างานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานป้องกันและปราบปราม อาชญากรรม ทั้งนี้ให้ปรับปรุงเครือข่ายให้สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง โดยการสื่อสารผ่าน line ให้ใช้ในการรายงานคดีสำคัญที่เป็นที่สนใจของประชาชน สื่อมวลชน รวมทั้งข้อสั่งการความเคลื่อนไหวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน เพื่อแจ้งให้ลูกข่ายได้รับทราบทั่วกันทุกวัน โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่ 15 ธันวาคม เป็นต้นไป ทั้งนี้หน่วยต่างๆต้องรายงานความคืบหน้ารวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการรายงาน ข้อมูลด้านการปราบปรามผ่านไลน์ให้ ตร.ทราบทุกเดือน



ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555 เวลา 23:52 น.


ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5UUXhOelkwT1E9PQ==&sectionid
#86
ภาพการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ตามโครงการของสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ

ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 ได้จัดการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อปพร.)กู้ภัยนครลำปาง
ด้านสถานที่เกิดเหตุและวัตถุพยาน

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2555 ณ ห้องประชุม ราชาวดี เทศบาลนครลำปาง อ.เมือง จว.ลำปาง




พล.ต.ต.หญิง สุนีย์  หาญชัยวัฒน์  ผบก.ศพฐ.๕ เป็นประธานในพิธีเปิด



































#87
ดาวน์โหลด คู่มือการปฏิบัติงาน การขอสำเนาข้อมูลข่าวสารของราชการ  สำหรับการตรวจประวัติอาชญากรรม  เพื่อการขออนุญาตต่าง ๆ


ดาวน์โหลดคลิก[idl]http://www.scdc5.forensic.police.go.th/Manual%20fingerprint1.pdf[/idl](ขนาดไฟล์ 35.56 MB)



ดาวน์โหลดคลิก[idl]http://www.scdc5.forensic.police.go.th/Manual%20fingerprint2.pdf[/idl](ขนาดไฟล์ 8.56 MB)

#88
มนุษย์เงินเดือนเฮ! - "กิตติรัตน์" จ่อเพิ่มค่าลดหย่อนภาษี


เศรษฐกิจ ข่าวสด


นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการหารือปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดากับผู้บริหารกรมสรรพากรเมื่อ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุป เพราะยังมีรายละเอียดที่ให้กรมสรรพากรกลับไปจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม และให้นำกลับมารายงานใหม่อีกครั้ง

ด้านนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมจัดเก็บภาษี กล่าวว่า การหารือปรับโครงสร้างภาษีได้มีพิจารณาถึงรายละเอียดการแยกยื่นภาษีของสามี ภรรยา ตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพบปัญหาว่าทำให้กรมสรรพากรสูญเสียรายได้มากกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะ สูญรายได้ 4,000 ล้านบาท เป็นหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเปิดเผยตัวเลขไม่ได้ โดยได้มอบหมายให้กรมสรรพากรกลับไปทบทวนรายละเอียดอีกครั้ง แม้ว่าสรรพากรออกประกาศแนวทางปฏิบัติไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2555 แล้วก็ตาม โดยยืนยันว่าการแยกยื่นต้องมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556 ตามคำสั่งของศาลแน่นอน

รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในเรื่องของการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นายกิตติรัตน์ได้สั่งให้กรมสรรพากรไปทำรายละเอียดการเพิ่มหักค่าลดหย่อนคู่ สมรสที่ปัจจุบันหักได้ 3 หมื่นบาท และการหักค่าลดหย่อนเลี้ยงดูบุตร ที่ปัจจุบันหักได้ 1.5 หมื่นบาท รวมกับค่าการศึกษาเพิ่มอีก 2,000 บาท เป็น 1.7 หมื่นบาท ว่าจะเพิ่มขึ้นได้สูงสุดเท่าไร

ทั้งนี้ นายกิตติรัตน์ได้ให้กรมสรรพากรทำตัวเลขการหักค่าลดหย่อนคู่สมรสเพิ่มตั้งแต่ 3 หมื่นบาท ถึง 6 หมื่นบาท ขณะที่การเพิ่มหักลดหย่อนค่าเลี้ยงดูบุตรให้ทำเพิ่มไปถึง 3 หมื่นบาท เพื่อดูว่าการเพิ่มแต่ละช่วงจะกระทบทำให้การเก็บภาษีหายไปจำนวนเท่าไร

สำหรับการลดหย่อนภาษีตัวอื่นๆ ที่ก่อนหน้านี้กรมสรรพากรเสนอให้มีการกำหนดเพดานหักลดหย่อนทั้งหมดต้องไม่ เกินเท่าไร ยังไม่มีการเสนอให้ รมว.คลัง เห็นชอบ

ส่วนของ อัตราภาษีบุคคลธรรมดากรมสรรพากรได้เสนอให้มีการปรับอัตราใหม่ให้มีความถี่ มากขึ้นเริ่มตั้งแต่รายได้หลังหักรายจ่ายและค่าลดหย่อน 0-1.5 แสนบาท ได้รับการยกเว้นภาษี รายได้ 1.5-3 แสนบาท เสียภาษี 5% รายได้ 3-5 แสนบาท เสียภาษี 10% รายได้ 5-7.5 แสนบาท เสียภาษี 15% รายได้ 7.5 แสนบาท - 1 ล้านบาท เสียภาษี 20% รายได้ 1-2 ล้านบาท เสียภาษี 25% รายได้ 2-4 ล้านบาท เสียภาษี 30% และรายได้ตั้งแต่ 4 ล้านบาท เสียภาษี 35% จากปัจจุบันอัตราภาษีอยู่ที่ 10-37%

สำหรับอัตราภาษีใหม่จะ ให้กรมสรรพากรสูญเสียภาษีปีละ 2.7 หมื่นล้านบาท แต่เป็นการแบ่งเบาภาระของผู้เสียภาษี สร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียภาษี โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาต้องใช้เวลาดำเนินการนานเพราะต้องการมีการ เสนอแก้ไขกฎหมายประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากรไปยังสภาผู้แทนราษฎร



ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 13:46 น.


ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1UUTVNekl5TVE9PQ==&sectionid= 
#90
ออกกฎเหล็กคุมความประพฤติตร.


ตร.ออกหนังสือจี้ข้าราชการตร.แต่งกายสุภาพเรียบร้อย-แสดงความเคารพผู้มียศสูงกว่า หลังพบตร.ออกนอกแถว ระบุ ฝ่าฝืนพิจารณาโทษทันที

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.   ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.นเรศ เทียนกริม ผู้ช่วย ผบ.ตร.ได้มีหนังสือด่วนที่สุดเลขที่ 0006.2/008 ลงวันที่ 12 ต.ค.2555 เรื่องการกวดขันความประพฤติและระเบียบวินัยข้าราชการตำรวจ ถึงผู้บัญชาการ (ผบช.) ในบช.ส. , บช.ก. , สทส. , สพฐ.ตร. , สยศ.ตร. , สกพ. , สงป. , สง.ก.ตร. , กมค. , และผู้บังคับการ (ผบก.) ใน ตท. , สท. , สง.ก.ต.ช. , วน.และ ลก.ตร.

โดยเนื้อหาระบุว่าตร.มีนโยบายที่จะกวดขันความประพฤติและระเบียบวินัยข้า ราชการตำรวจในหน่วยงานที่ตั้งอยู่ภายในตร. เนื่องจากที่ผ่านมามีข้าราชการตำรวจประพฤติปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบแบบ แผนและวินัย เช่น แต่งกายไม่สุภาพเรียบร้อย สวมเสื้อยืดรองเท้าแตะ ปล่อยผมยาวและตัดแบบทรงยาว แต่งเครื่องแบบไม่ถูกต้องเรียบร้อย ไม่แสดงความเคารพผู้ที่มียศสูงกว่าทั้งที่ผู้นั้นแต่งกายเครื่องแบบตำรวจ อยู่ ใช้ยานพาหนะในลักษณะจะก่อให้เกิดอันตราย และฝ่าฝืนการจัดระเบียบของสถานที่ราชการ

ดังนั้น เพื่อให้การประพฤติปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบแบบแผนอันแสดงถึงความมีวินัยของ ข้าราชการตำรวจ จึงให้ข้าราชการตำรวจทุกหน่วยงานที่มีที่ตั้งอยู่ภายในตร. แต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยในเวลาราชการและอยู่ในสถานที่ราชการ เมื่อแต่งเครื่องแบบตำรวจให้ยึดถือปฏิบัติตามประมวลระเบียบการตำรวจไม่ เกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 22 การแต่งเครื่องแบบและแก้ไขเพิ่มเติม การแสดงความเคารพอันเป็นการรักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย ให้ยึดถือปฏิบัติตามประมวลระเบียบตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีลักษณะที่ 17 การเคารพและกองเกียรติยศและที่แก้ไขเพิ่มเติม และการใช้ยานพาหนะภายในบริเวณตร.ให้ยึดถือปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับ บัญชาที่เกี่ยวข้อง โดยขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง ไม่ใช้ความเร็ว ไม่ฝ่าฝืนเครื่องหมาย และไม่จอดยานพาหนะในพื้นที่ห้ามจอด นอกจากนี้ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี และกำชับ กวดขัน กำกับดูแลการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาตามข้อ 1.หากพบการประพฤติปฏิบัติฝ่าฝืนในกรณีดังกล่าว ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาความบกพร่องตามควรแก่กรณีภายในอำนาจหน้าที่ต่อไป.



เดลินิวส์ออนไลน์
วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม 2555 เวลา 18:41 น.

ที่มา :  http://www.dailynews.co.th/crime/161918
#91
หนุ่มออสซี่ทำลายสถิติ ดิ่งพสุธาสูงสุด 39 กิโลเมตร !!







'


เมื่อ 15 ต.ค. บีบีซีรายงานว่า นายเฟลิกซ์ โบมการ์ตเนอร์ ชาวออสเตรเลีย วัย 43 ปี ทำลายสถิติโลกที่นิ่งมานาน 52 ปี ด้วยการกระโดดร่มดิ่งพสุธา จากบอลลูนติดแคปซูลอวกาศ อยู่เหนือพื้นดิน 39 กิโลเมตร หรือ 128,000 ฟุต หรือ 24 ไมล์ ในรัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา โดยมีกล้องวิดีโอจับภาพนับตั้งแต่นาทีก้าวออกจากแคปซูลที่ขอบอวกาศ จนถึงแตะพื้นโลก ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที โดยในช่วง 4.19 นาทีแรกผ่านไป นายเฟลิกซ์ซึ่งดิ่งมาด้วยความเร็ว 1,137 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงปล่อยร่มชูชีพ และในอีกไม่กี่นาทีจากนั้นก็ลงถึงพื้นทะเลทราย คุกเข่าและทำท่าฉลองชัยชนะ



การเย้ยฟ้าท้านรกครั้งนี้ นางอีวา แม่ของนายเฟลิกซ์เฝ้าชมอยู่ด้วย สำหรับสถิติเดิมเมื่อ 52 ปีก่อนนั้น ทำไว้โดย โจเซฟ คิตทิงเกอร์ นายทหารเกษียณแห่งกองทัพอากาศสหรัฐ


ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เวลา 03:37 น. 

ที่มา :  http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU1ESTBOekF3TlE9PQ==&catid=01

#92





>>>>>>>>>>>>>ฝึกพูด–ฟัง ภาษาอังกฤษ จาก YouTube <<<<<<<<<<<<<<<<<

วิธีทำก็ง่าย ๆ ครับ คือเมื่อคลิกที่เว็บ http://www.youtube.com/ แล้ว ก็พิมพ์คำค้นเป็นภาษาไทย ลงไป เช่น
พูดภาษาอังกฤษ
สนทนาภาษาอังกฤษ
ข้อสอบภาษาอังกฤษ
เรียนภาษาอังกฤษ
ไวยากรณ์
เก่งภาษาอังกฤษ
แอนดรู บิกส์
คริส delivery
เพื่อนภาษา
ข้อสอบ อังกฤษ entrance
เป็นต้น

YouTube ก็จะโชว์เว็บสอนภาษาอังกฤษที่มีเสียงบรรยายเป็นภาษาไทยให้เราฟังได้อย่างสบาย ๆ

ณ ตรงนี้ผมมีเรื่องจะเรียน 3 ข้อ
ข้อที่ 1: ขอเรียนอย่างหนึ่งว่า วีดิโอที่ YouTube โชว์ มันอาจจะแทรกโฆษณา ก็อย่ารำคาญเลยครับ เพราะอย่างน้อยก็มีส่วนที่เป็นประโยชน์และไม่ต้องเสียเงิน แต่ถ้าเห็น clip ไหนโฆษณามากเกินไป ก็หาดู clip อื่นที่โฆษณาน้อยหน่อย หรือไม่มีโฆษณาเลย

ข้อที่ 2: ถ้าชมแล้วชอบใจ ให้เหลือบดูที่คอลัมน์ด้านขวามือใต้คำว่า Related Videos ตรงนั้นน่าจะมีวีดิโออีกหลาย clip ที่คล้าย ๆ กันและท่านชอบ

ข้อที่ 3: ถ้าท่านชอบใจ clip วิดิโอใด อยากจะดาวน์โหลดเก็บไว้ เชิญอ่านคำแนะนำได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[968]ดาวน์โหลดวีดิโอจากเน็ต & TV โดยใช้ RealPlayer

ข้างล่างนี้เป็นวีดิโอที่ผมเจอขณะค้นเขียนเรื่องนี้ รู้สึกชอบใจก็เลยเอามาฝากครับ

สนทนาภาษาอังกฤษ 1,000 ประโยค Talking English
http://vlado-koev.net/video/AdRn10wiRis/-1000-talking-english.html

ดาวน์โหลด  คลิก

พูดอังกฤษ 1,200 ประโยค
http://www.youtube.com/watch?v=dVbHR7bPdTY

ดาวน์โหลด  คลิก

เรียนรู้ คำศัพท์ 1,000 คำ อังกฤษ –ไทย
http://www.youtube.com/watch?v=wcLngtF-CMQ

ดาวน์โหลด  คลิก

“พูดอังกฤษ English Conversations สนทนา ภาษาอังกฤษ การเดินทาง การท่องเที่ยว การศึกษา” คลิก

เรียนภาษาอังกฤษจากหนัง คลิก

ลุยข้อสอบ exam ภาษาอังกฤษ #1  คลิก

น้องแป้งท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ คลิก



พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

Credit :  http://english-for-thais-2.blogspot.com/2009/07/1146-youtube.html
#93

ตร.ภาค5ยึดรถสวมทะเบียนหลอกขายเต็นท์มือสองเพียบ





เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 ก.ย. ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ 5 พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.กริช กิติลือ รอง ผบก.สส.ภ.5 พ.ต.อ.ธวัชชัย อยู่มาก ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมรถยนต์ที่ต้องสงสัยที่ได้มาจากการกระทำผิด กฏหมาย ทั้งรถกระบะ และรถเก๋งจำนวนทั้งสิ้น 10 คัน พร้อมทั้งทางตำรวจได้ทำผังประวัติการกระทำผิดและการสวมซากรถ ประวัติรถยนต์แต่ละคันที่ถูกกระทำโดยผิดกฏหมาย ด้วย



พล.ต.ต.ชำนาญ เปิดเผยว่า ทางตำรวจชุดสืบสวนภาค 5 ได้ตรวจสอบขยายผลตรวจสอบรถยนต์ ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นรถยนต์ที่ได้มาจากการกระทำผิดกฏหมาย โดยการสวมทะเบียนรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุชำรุดเสียหายอยู่ในสภาพที่ไม่น่า สามารถจะนำไปซ่อมแซมใช้งานได้ตามปกติ หรือซ่อมแล้วไม่คุ้มค่าซ่อม ไปสวมทะเบียนกับรถยนต์ที่ได้มาโดยผิดกฏหมาย อีกทั้งทำการตรวจยึดรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม และรถยนต์ที่หลบหนีภาษีศุลกากร



นอกจากนี้แล้วยังสืบสวนพบว่ามีรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถซ่อม ได้ หรือหากซ่อมก็ต้องเสียเงินเป็นค่าซ่อมมากจนไม่คุ้มค่าซ่อม และมีประกันภัยไว้ เมื่อบริษัทประกันได้ชดใช้ค่าสินไหมให้กับผู้เอาประกันแล้ว ได้นำซากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวไปประมูลขายทอดตลาด ซึ่งมีกลุ่มผู้ประมูลซากรถดังกล่าวนำไปขายต่อให้กับกลุ่มคนร้ายที่ได้รถมา จากการกระทำผิดกฏหมาย แล้วนำไปสวมทะเบียนจำหน่ายตามเต็นท์รถทั่วไปอีกจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนขยายผลติดตามมาตรวจสอบต่อไป



ประชาชนผู้ซื้อรถยนต์มือสอง ขอให้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นก่อน คือ ตรวจสอบดูสมุดคู่มือว่ามีการออกสมุดเล่มใหม่ แทนเล่มเดิมที่สูญหายหรือชำรุดหรือไม่  ,เป็นรถที่ประมูลจากบริษัทประกันภัยหรือไม่,มีการแจ้งย้ายหลายจังหวัดหรือ ไม่ หากสามารถติดต่อสอบถามผู้ครอบครองรถคันก่อนหน้าว่ารถมีสภาพอย่างใด จะเป็นประโยชน์มาก,ผู้ขายต้องเป็นผู้ที่เรารู้จัก หรือสามารถติดตามได้กรณีรถมีปัญหา


ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 12:37 น.

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56azBOalkyTkE9PQ==&subcatid=
#94

วิศวกร facebook แฉ!! แฟนเพจไทยใช้เฟซบุ๊กผิดวิธี เตรียมร้องลบเพจ!!

กลายเป็นประเด็นดราม่าไปแล้ว สำหรับการใช้เฟสบุ๊กในประเทศไทย ซึ่งมีการแชร์ ส่งต่อรูปภาพ เพื่อเชิญชวนผู้ใช้เข้าร่วมกิจกรรม เหมือนอีเมลล์ลูกโซ่ โดยใช้ของรางวัลเป็นตัวล่อเพื่อดึงดูดผู้ใช้ รวมถึงการไลค์เพจ บางโพสต์ถึงกับมีผู้แชร์หลักแสน กระทบถึงผู้ใช้หลายรายที่รู้สึกรำคาญ



ล่าสุด Kittipat Virochsiri พนักงานและวิศวกรของ Facebook ชาวไทยก็ได้ออกมา เขียน Note ถึงประเด็นดังกล่าว และชี้แจงว่าเป็นการผิดกฏ Facebook อาจต้องลบเพจ





สุดทนกับพฤติกรรมแย่ๆ ของเอเจนซี่เมืองไทย



    ” โน๊ตอันนี้เขียนเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ความเห็นของบริษัท Facebook / This note is my personal view. It does not represent the view of my employer.
    สัปดาห์ที่ผ่านมามีเพื่อนมาบ่นให้ฟังว่าเดี๋ยวนี้มีหลายบริษัททำโฆษณาบน Facebook โดยให้คนมา Like/Share/Comment เพื่อให้ได้สิทธิรับของรางวัล ก็พอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าทำแบบนี้คนเห็นเยอะและลงทุนน้อย แต่มันรกหูรกตาคนที่เค้าไม่สนใจ เค้าจะด่าเอาและไม่อยากจะซื้อของคุณซะด้วยซ้ำ นอกจากนั้นมันยังผิดเงื่อนไขการใช้งานด้วย “

     

พร้อมกันนี้คุณ Kittipat จะขอรับอาสาเป็นผู้ส่งรายงานแฟนเพจต่างๆ ที่ทำผิดกฏไปให้ทาง Facebook ลงโทษ เพื่อหวังเพจเหล่านั้นให้เลิกจัดกิจกรรมแบบผิดๆ หรือไม่ก็จนกว่าเพจนั้นจะโดนลบไปเลย



    ” สรุปสั้นๆ เลยก็คือ จะทำอะไรก็ไปทำใน App อย่ามาใช้ระบบของ Facebook เพื่อแจกรางวัลใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่ง เท่าที่ลองๆ สุ่มแบรนด์ใหญ่ๆ ในไทยเนี่ย ผิดกันแทบหมด ผิดซ้ำๆ ซากๆ ถ้าเห็นอีกก็จะแจ้งลบไปเรื่อยๆ จนว่าจะเลิกทำ หรือ page โดนลบ “

     



ขณะเดียวกันได้มีการอ้างอิงบทสัมภาษณ์ของผู้บริหารแบรนด์หนึ่ง ซึ่งใช้แฟนเพจในการแจกของรางวัล และเพิ่งเป็นข่าวไปหมาด พร้อมทั้งกล่าวว่าได้มีการเครียร์กับทางเฟสบุ๊กถึงการใช้งานแล้ว คุณ Kittipat อ้างว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริง พร้อมท้าให้เปิดหลักฐานออกมาแสดง







    “ก็เข้าใจนะว่าบางทีผู้บริหารก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ปล่อยลูกน้องไปทำ อย่างที่มีข่าวว่าทำได้ เคลียร์กับ Facebook แล้วเนี่ย ไม่มีทางจริงเลย ถ้าจริงเอาชื่อคนที่ติดต่อมาเลย โดน Mark ไล่ออกแหงๆ”

     

สุดท้ายทางคุณ Kittipat  ได้อ้างว่าที่เขียน Note ดังกกล่าว เพื่อต้องการ ให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้ Facebook ไม่ใช่เปิดมาเจอแต่โฆษณา โฆษณา และโฆษณา …อ่านฉบับเต็ม คลิก







Source By Kittipat Virochsiri , 9tana
เขียนโดย :Pygm

ที่มา เอ็มไทย ดอทคอม


ข่าวสดออนไลน์
วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555 เวลา 16:26 น. 

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNME56UTBNakV3TkE9PQ==&sectionid=