• Welcome to เว็บบอร์ด ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5.
 

ข่าว:

ศพฐ.5 ยินดีต้อนรับ

Main Menu
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - chusit

#921
อย.เผยผลสำรวจผัก "คะน้า" เสี่ยงมีสารพิษตกค้างมากที่สุด



อย. เผยจากผลสำรวจพบว่า ผักคะน้า เป็นผักที่เสี่ยงต่อการมีสารพิษตกค้างมากกว่าผักชนิดอื่นๆ ไม่ว่าผักจะมาจากตลาดสด หรือซูเปอร์มาร์เก็ตก็ตาม


ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เผยว่า หลังจากทาง อย.จัดเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ (Mobile Unit : MU) สำนักอาหาร ลงพื้นที่ เพื่อดำเนินการเฝ้าระวังตรวจสอบคุณภาพผักผลไม้ทางด้านเคมีและจุลินทรีย์ในเขตกรุงเทพมหานครที่จำหน่ายในท้องตลาด โดยใช้ชุดทดสอบเบื้องต้น


จากการเก็บตัวอย่าง ในระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม — 25 มิถุนายน 2555 ทั้งหมด 1,987 ตัวอย่าง พบจำนวนตัวอย่างไม่ผ่านเกณฑ์ 69 ตัวอย่าง แบ่งเป็นตัวอย่างผักผลไม้ที่สุ่มตรวจจากตลาดสดที่ไม่ผ่านเกณฑ์จำนวน 60 ตัวอย่าง พบผักสดที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุด ได้แก่ 1.คะน้า 2.กะหล่ำดอก 3.ต้นหอม

นอกจากนี้ยังพบผักผลไม้ที่สุ่มตรวจจากซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ผ่านเกณฑ์ จำนวน 9 ตัวอย่าง พบผักสดที่มีสารพิษตกค้างมากที่สุด 1.คะน้า 2.มะเขือพวง 3.พริกไทย จะเห็นว่าทั้งสองสถานที่ คะน้า เป็นผักที่มีสารพิษตกค้างมากสุด


ขณะนี้ อย.ได้ดำเนินการตักเตือนผู้จำหน่ายผักผลไม้ที่ตรวจพบสารพิษตกค้างทุกราย และหากตรวจพบสารพิษตกค้างในสถานที่เดิมอีก ทาง อย. จะนำผักผลไม้ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจสอบหาสารที่เป็นอันตรายอย่างละเอียด หากผลการตรวจวิเคราะห์พบสารพิษตกค้างจากวัตถุอันตรายทางการเกษตร เช่น คาร์โบฟูราน เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง จะจัดเป็นการกระทำฝ่าฝืนพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท



ที่มา : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344514076&grpid=01&catid=&subcatid=
#922
พลิกคดีปริศนา12ปี! ขืนใจฆ่าแหม่มคริสตี้ สยอง"เมืองเชียงใหม่" ญาติให้1ล้าน-จี้รื้อคดี

คอลัมน์ แฟ้มคดี



แม้เวลาจะผ่านมากว่า 1 ทศวรรษแล้ว ในคดีฆาตกรรมปริศนา "น.ส.คริสตี้ ซาร่า โจนส์" นักศึกษาสาวชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ที่พบศพในเกสต์เฮาส์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543

ทุกวันนี้ยังไม่สามารถคลี่คลายได้ว่าใครคือฆาตกร

ตำรวจเชียงใหม่ส่งสำนวนต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับผิดชอบ

ที่ผ่านมาสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จะติดตามความคืบหน้าและส่งเรื่องจี้คดีมาเป็นระยะๆ

รวมทั้งล่าสุดที่แม่ของนักศึกษาสาวตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทย พร้อมประกาศตั้งรางวัลนำจับถึง 1 ล้านบาท

คดีนี้จึงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง!??

นำจับ1ล้าน-คดีแหม่มคริสตี้

หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ คดีฆ่าข่มขืนน.ส.คริสตี้ ซาร่า โจนส์ สาวชาวอังกฤษ เมื่อปี 2543 กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งเมื่อ นายอาซีฟ อาหมัด เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภาค5) เพื่อประสานขอรายละเอียดความคืบหน้าของคดีนี้

พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช. ภาค 5 ออกมาพบโดยรับทราบว่าในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ นางซู และ นายแกเรจ โจนส์ มารดากับพี่ชายของน.ส.คริสตี้ จะเดินทางมาเมืองไทยและขอเข้าพบเจ้าหน้าที่

เบื้องต้นนางซู ประกาศตั้งรางวัลนำจับคนร้ายจำนวน 1 ล้านบาทด้วย!!

ครอบครัวโจนส์ ยังทำใจไม่ได้แม้เวลาจะผ่านมาถึง 12 ปีแล้ว เนื่องจากเป็นความสูญเสียสำคัญ โดยทุกๆ ปีแม่จะทำพิธีไว้อาลัยให้ลูกสาว และที่ผ่านมาพยายามประสานกับสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆ

ขณะที่พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวว่า คดีนี้มีอายุความ 20 ปี ปัจจุบันโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอทำแล้ว แต่พนักงานสอบสวนในพื้นที่ยังสนับสนุนข้อมูลอยู่

"มีตำรวจสากลมาร่วม ทำคดีด้วยและรื้อคดีมาหลายครั้ง แต่ก็ติดขัดเรื่องหลักฐานและพยานแวดล้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและกลับต่างประเทศไปแล้ว อีกทั้งพยานชาวไทยบางคนก็เสียชีวิตและหายสาบสูญไป ทำให้ยากต่อการสอบสวน" พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวและว่า คดีนี้ตำรวจสอบปากคำพยานไปแล้ว 80 ปาก แต่พยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุนั้นมีเพียงผู้ดูแลเกสต์เฮาส์และแม่บ้าน ซึ่งไม่มีน้ำหนักในการเอาผิดผู้ต้องหา จึงเป็นเรื่องยากที่จะสาวไปถึงผู้กระทำผิด โดยที่ผ่านมาเมื่อมีการร้องมาจากต่างประเทศหรือญาติผู้ตายก็ดำเ นินการให้ แต่ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

เจ้าของเกสต์เฮาส์ต้องสงสัย

รอง ผบช.ภาค5 กล่าวอีกว่าล่าสุดขอดูสำนวนเก่าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ภ.5 เมื่อครั้งอดีตได้ทำไว้มาตรวจสอบอีกครั้ง รวมทั้งขอข้อมูลจากสื่อมวลชนไทยเมื่อครั้งเกิดคดี เพื่อนำมาพิจารณาและเป็นแนวทางในการหาพยานหลักฐานใหม่

ทำให้ทราบเบื้องต้นว่าในวันเกิดเหตุพบศพที่อารีย์เกสต์เฮาส์ อ.เมืองเชียงใหม่ มีจุดบกพร่องหลายอย่าง อาทิ เมื่อพบศพผู้ตายปรากฏว่าไม่มีการกันให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่จน หลักฐานมั่วไปหมด

อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ตำรวจยังคงพุ่งเป้าไปที่ผู้ ต้องสงสัยรายเดิมคือนายแอนดริว เจมส์ กิลล์ ซึ่งถือ 2 สัญชาติคืออังกฤษและไอร์แลนด์ เจ้าของอารีย์เกสต์เฮาส์ ที่เกิดเหตุนั่นเอง!!!

โดยนายแอนดริว ถูกตำรวจออกหมายจับและจับกุมได้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2543 หรือราว 1 เดือนหลังเกิดเหตุ หลังพบเบาะแสบางอย่างที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้

แต่เพราะพยานหลักฐานมีน้ำหนักไม่พอทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง

โดยเจ้าหน้าที่ตัดสินใจเนรเทศออกจากเมืองไทยไป

กรณีนายแอนดริว ยังสร้างความปั่นป่วนให้วงการยุติธรรมเมืองไทย เพราะอดีตผู้ต้องหาเมื่อกลับถึงประเทศอังกฤษเปิดตัวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ที่หลุดคดีมาได้เพราะจ่ายเงินไปถึง 1 ล้านบาท!!!

พร้อมโชว์หลักฐานการโอนเงินจากญาติที่อังกฤษไปเมืองไทยด้วย

หลังข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมาทำให้ทางการไทย ทั้งตำรวจและอัยการตั้งกรรมการสอบสวนกันยกใหญ่

ตำรวจเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนรวมถึงเมียชาวไทยของ นายแอนดริว

สุดท้ายเมียนายแอนดริว สารภาพว่าเก็บเงินดังกล่าวไว้เอง โดยระบุว่าญาตินายแอนดริวส่งเงินมาให้จริง แต่เป็นค่าทนายความใช้จ่ายไปบางส่วน จนเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องและตัดสินใจให้เนรเทศ จึงตัดสินใจอมเงินเอาไว้เพราะคิดว่านายแอนดริวคงไม่มาดูแลอีกแล้ว

แต่ไม่คิดว่าจะทำให้นายแอนดริว เข้าใจผิดว่านำเงินดังกล่าวไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยจึงหลุดคดีมาได้

พลิกคดีปริศนาฆ่าแหม่ม

น.ส.คริสตี้ ถูกพบเป็นศพเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543 โดยแม่บ้านของอารีย์เกสต์เฮาส์พบเป็นคนแรก หลังใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในห้องพักหมายเลข 4 เพื่อทำความสะอาด

ภาพที่เห็นคือแหม่มสาวนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตในสภาพท่อนล่างเปลือย มีผ้ารัดอยู่ที่ลำคอ ลิ้นจุกปาก

แพทย์ระบุเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง

นอกจากนี้พบร่องรอยการร่วมเพศ น้ำอสุจิในช่องคลอด รวมทั้งขนเพชรจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบประวัติพบว่าน.ส.คริสตี้ เรียนจบปริญญาตรีด้านเทคนิคการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก

ล่าสุดแวะเที่ยวที่ประเทศกัมพูชา ก่อนเข้าเมืองไทยมาพักที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2543 และมีกำหนดเดินทางไปเที่ยวต่อที่เชียงราย แต่ถูกฆาตกรรมเสียก่อน

ตำรวจเรียกคนดูแลเกสต์เฮาส์และแม่บ้านมาสอบสวนเพิ่มเติม พบว่าเวลาประมาณตี 1 เศษ วันที่ 10 สิงหาคม ได้ยินเสียงแหม่ม คริสตี้มีปากเสียงกับชาวต่างชาติ โดยแหม่ม คริสตี้ตะโกนคำว่า "เก็ตเอาต์" หมายถึงไล่บุคคลต้องสงสัยออกจากห้อง

จากนั้นเสียงก็เงียบไป และไม่มีใครพบ เห็นแหม่มสาวอีกเลยกระทั่งแม่บ้านมาพบเป็นศพแล้ว

เจ้า หน้าที่เชิญตัวผู้ต้องสงสัยรวม 8 คนมีทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ และกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นแขกที่เข้าพัก และไกด์ชาวไทยกับชาวกะเหรี่ยงมาสอบสวน ขอเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและขน เพชรนำไปตรวจพิสูจน์

จากข้อมูลที่ได้พบว่าหลังจากน.ส.คริสตี้ มาพักที่เกสต์เฮาส์ แวะเที่ยวตามสถานบันเทิงและสนิทสนมกับเพื่อนชาวต่างชาติด้วยกันหลายคน

รวมทั้งมีไกด์คนไทยที่พยายามตามจีบแหม่มสาว ซึ่งตำรวจก็เชิญตัวมาสอบปากคำแต่ไม่พบพิรุธ

บังคับหลับนอนก่อนสังหาร

ผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยที่สุดในช่วงแรกคือ นายนาธาน โฟเล่ ชาเล่ อายุ 26 ปี ถือหนังสือเดินทางอังกฤษและออสเตรเลีย ซึ่งพักอยู่ห้องหมายเลข 7 โดยพยานระบุว่านายนาธานสนิทสนมกับน.ส.คริสตี้ และมีคนเห็นเข้าไปในห้องของฝ่ายหญิงด้วย!??

ต่อมาตำรวจตามเจอตัวนาย นาธาน ให้การว่าสนิทกับแหม่มสาวเพื่อนร่วมชาติจริงและเคยเข้าไปในห้องพักด้วย แต่เพียงเข้าไปซ่อมพัดลมให้เท่านั้น

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นายนาธาน ยังให้การแบบคลุมเครือ ในลักษณะสนิทสนมกันจริงแต่ไม่ได้เป็นการบังคับ

จนเมื่อเวลาผ่านไปผลการพิสูจน์ทางนิติเวชออกมาทั้ง 8 ผู้ต้องสงสัย ไม่พบว่ามีหลักฐานทางดีเอ็นเอตรงกับคราบอสุจิในช่องคลอดของเหยื่อสาวเลย!??

อย่าง ไรก็ตามในอีก 1 เดือนให้หลังตำรวจได้เบาะแสสำคัญเป็นคำให้การของคนดูแลเกสต์เฮาส์ ที่ออกจากงานในเวลาต่อมา โดยระบุว่าคืนก่อนพบศพที่ได้ยินเสียงทะเลาะกันในห้องน.ส.คริสตี้ จริงๆ แล้วเห็นคนในห้องด้วย!??

คนนั้นคือ นายแอนดริว เจมส์ กิลล์ เจ้าของเกสต์เฮาส์ที่เกิดเหตุ

แต่พยานระบุว่าไม่กล้าบอกเพราะกลัวตกงาน แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่เกสต์เฮาส์แล้วจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้มาแจ้งกับตำรวจ

เจ้าหน้าที่จึงเริ่มเจาะข้อมูลนายแอนดริว พบว่ามาอยู่เมืองไทยหลายปีแล้วจนมีเมียชาวไทยและเปิดกิจการเกสต์เฮาส์ในเชียงใหม่

มีพยานระบุว่าวันเกิดเหตุนายแอนดริว อยู่ในเกสต์เฮาส์ด้วย

เจ้าหน้าที่เชิญตัวมาสอบปากคำและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และน้ำอสุจิส่งตรวจ

ผลออกมาปรากฏว่าอสุจิไม่ตรงกับที่พบในศพ!??

อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานตำรวจเชื่อว่านายแอนดริว น่าจะเป็นฆาตกร โดยพบว่านายแอนดริว ให้ความสนใจแหม่มสาวรายนี้เพราะเป็นผู้หญิงหน้าตาดี และคงเคยเห็นสนิทสนมกับเพื่อนต่างชาติแบบไม่ถือตัวตามสไตล์สาวตะวันตกทั่วไป

สันนิษฐาน ว่าวันเกิดเหตุแหม่มสาวอาจมีสัมพันธ์กับเพื่อนชายแล้วนายแอนดริวมาเห็นเข้า จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อเพื่อนชายกลับไปแล้ว นายแอนดริวจึงเข้าไปหมายขอร่วมหลับนอน แต่ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วยจึงลงมือสังหาร

ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานออก หมายจับคุมตัวมาดำเนินคดี แต่เมื่อถึงชั้นอัยการ เห็นว่าพยานหลักฐานมีเพียงคำบอกเล่าของอดีตคนดูแลเกสต์เฮาส์ ที่อาจจะไม่พอใจที่ต้องออกจากงาน รวมทั้งเพิ่งมาให้ข้อมูลหลังเกิดเหตุพักใหญ่ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ

รวมทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่นอสุจิไม่ตรงกับที่พบในศพ จึงสั่งไม่ฟ้อง แต่ให้เนรเทศออกจากประเทศไทย

หลังจากนายแอนดริว พ้นข้อกล่าวหาคดีนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะไม่พบเบาะแส ผู้ต้องสงสัยรายอื่นอีกเลย

ผ่านมา 12 ปีคดีนี้ยังเป็นปริศนาที่แก้ไม่ได้!??


ข่าวสดรายวัน
วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNVEExTURnMU5RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=
TWpBeE1pMHdPQzB3TlE9PQ==
#923
กูเกิล เปิดเว็บเกาะติดข่าว-คลิป-ดูสด ไม่พลาด 'โอลิมปิก'

กูเกิล เปิดตัวเว็บไซต์ติดตามสถานการณ์และข้อมูลในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 ใช้คุณสมบัติหลากหลายร่วมเชียร์และชมถ่ายทอด ผ่านกูเกิลพลัส สตรีทวิว และยูทูบ...

เพื่อต้อนรับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2012 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ "กูเกิล" ได้เปิดตัวเว็บไซต์ google.co.uk/olympics ซึ่งมีให้เลือกเข้าถึงข้อมูลได้จากหลายภาษารวมถึงภาษาไทย พร้อมรวบรวมฟีเจอร์หลากหลายของกูเกิล เพื่อให้คอกีฬาได้ร่วมติดตามเชียร์และลุ้นการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012 อย่างใกล้ชิด ได้แก่ การค้นหาผ่านกูเกิล ทั้งจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือแท็บเล็ต เกี่ยวกับ london 2012 หรือ ทัพนักกีฬาจากประเทศไทย หรือประเภทกีฬาที่ติดตามอยู่ เช่น ว่ายน้ำ เพื่อติดตามตารางแข่งขัน จำนวนเหรียญรางวัล และการทำลายสถิติ



-  ติดตามประเด็นร้อนบนเว็บไซต์ในหัวข้อ "สุดยอดการค้นหาที่ได้รับความนิยม" จากข้อมูลวิเคราะห์ที่จะบอกคุณว่าผู้คนทั่วโลกกำลังค้นหาอะไรอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อการสนทนา ตัวนักกีฬา หรือกิจกรรมการแข่งขัน โดยผลการวิเคราะห์เหล่านี้จะอัพเดททุกชั่วโมง

-  เชื่อมโยงทีมในดวงใจ นักกีฬาคนโปรดหรือคู่แข่งที่ต้องจับตา โดยสามารถติดตามหรือและส่งแรงเชียร์ได้ผ่าน Google+ โดยปรับแต่งรูปภาพเป็นลายธงชาติและติดตาม ผ่าน +The Olympics Games และ +London 2012



-  สำรวจลอนดอนได้ง่ายๆ เพียงให้ Google Earth พาสำรวจทั่ว Olympic Park ทั้งสนามแข่งขันจักรยานและวิ่งมาราธอน หรือท่องเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ของกรุงลอนดอน พร้อมเปรียบเทียบภาพถ่ายทางอากาศลอนดอนปี 1948 (ที่เป็นปีล่าสุด ที่ลอนดอนเป็นเจ้าภาพจัดงานโอลิมปิก) กับลอนดอนในยุคปัจจุบัน

- สำรวจความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้น และดูไฮไลต์สำคัญจากโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ผ่านมาจาก ยูทูบ ซึ่งสามารถนำทุกเกมส์การแข่งขันมาให้ชม โดย 64 ประเทศในทวีปแอฟริกาและเอเชีย รวมถึงอินเดีย อินโดนีเซีย เคนย่า และไนจีเรีย จะสามารถดูการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกผ่านเว็บไซต์ยูทูบได้แบบสดๆ ผ่านทาง www.youtube.com/olympic อีกด้วย.



ไทยรัฐออนไลน์
28 กรกฎาคม 2555, 06:00 น.


ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/tech/279373
#924
แนะนำเว็บไซต์ / mapjack.com
16 กรกฎาคม 2012 10:56
เว็บไซต์ที่ให้บริการภาพถ่ายมุมมอง 3 มิติ ทั้งจากมุมมองของถนนของ จังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญๆในประเทศไทย และ ประเทศสหรัฐอเมริกา

#926

แฉยาอีใหม่ เม็ดใหญ่คล้ายวิตามิน


แปลงโฉมหวังตบตาตร. สาวเวียดนามลักลอบขน จนมุมคาด่านสระแก้ว



แบบใหม่ - นางเถิน ที แย สาวเวียดนาม ถูกทหารกองกำลังบูรพาจับกุมฐานลักลอบขน "ยาอี" แบบใหม่ เม็ดใหญ่ คล้ายวิตามิน จำนวน 118 เม็ด ข้ามจากฝั่งกัมพูชาเข้ามายังด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อ 9 พ.ค.

ผงะ ยาอีแบบใหม่ ใช้ยาอีผงอัดเป็น เม็ดขนาดใหญ่สีฟ้า หวังตบตาเจ้าหน้าที่ สาวเวียดนามขนผ่านด่านอรัญ ประเทศ เผยจุดหมายที่มาเลเซีย อ้างมั่วเป็นวิตามินซี เจ้าหน้าที่พบพิรุธใช้สารละลายสอบจนเจอ ตร.โคราชจับเอเยนต์ยาบ้าในพื้นที่ ส่วนนครบาลแถลงจับขบวนการยาบ้าภาคเหนือ จัดส่งขายภาคกลาง พร้อมของกลางหลายหมื่นเม็ด ที่แพร่ก็จับยาบ้าน 5 แสนเม็ด ลักลอบเลาะป่า จากเชียงรายส่งที่สุโขทัย สุราษฎร์จับอดีตนักมวย เด็กขาใหญ่เครือข่ายยาบ้าคุกนครฯ เตรียมขยายผลต่อไป

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ประสานความร่วมมือกับพ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก. สภ.คลองลึก และนายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี นายด่านศุลกากร อรัญประเทศ นำกำลังร่วมกันตั้งจุดตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเข้าประเทศ บริเวณจุดตรวจร่วมทางเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระ แก้ว พบหญิงสาวต้องสงสัย สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เดินหิ้วกระเป๋าถือยี่ห้อหรูลายน้ำตาล เดินข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ จากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา มุ่งหน้าจะเข้าตลาดโรงเกลือ เมื่อถึงจุดตรวจร่วม หญิงสาวคนดังกล่าวแสดงท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจสอบ ทราบว่าเป็นชาวเวียดนาม ถือพาสปอร์ตสัญชาติเวียดนาม ระบุชื่อ นางเถิน ที แย อายุ 30 ปี เดินทางมาจากเมืองโฮจิมินห์ ผ่านเข้ามาทางประเทศกัมพูชา แล้วอ้างว่าจะเดินทางต่อไปประเทศมาเลเซีย

เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจค้นโดยได้ให้อส.ทพ. หญิงตรวจค้น ผลจากการตรวจค้นพบยาไม่ทราบชนิด อัดเป็นเม็ดขนาดใหญ่น้ำหนักเม็ดละ 1 กรัม สีฟ้า ประทับตราว่า "M104" จำนวน 118 เม็ด น้ำหนักรวม 118 กรัม บรรจุในขวดพลาส ติกขนาดใหญ่ 1 ขวด และขวดพลาสติกขนาดเล็ก 1 ขวด สอบถามอ้างว่าเป็นวิตามินซี แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีพฤติกรรมต้องสงสัย จึงนำน้ำยาตรวจสอบสารเสพติดมาตรวจสอบ พบว่าเมื่อละลายน้ำยาแล้วเป็นสีน้ำ ตาล ซึ่งเป็นสีของยาอี จึงควบคุมตัวนางเถิน ที แย พร้อมของกลางมาสอบสวนที่ บก.ร้อย ทพ.1206 หน้าด่านพรมแดนอรัญ ประเทศ จ.สระแก้ว

จากนั้น ร.อ.อภินันท์จึงแจ้งประสาน จนท. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด จ.สระแก้ว มาร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งผลการตรวจสอบยืนยันว่ายาดังกล่าวเป็นยาอี แต่ขบวนการลักลอบขนส่งยาเสพติดกลุ่มนี้ เปลี่ยนแปลงรูปแบบใหม่โดยนำยาอี ชนิดผงมาอัดเป็นเม็ดขนาดใหญ่น้ำหนักเม็ดละ 1 กรัม เคลือบด้วยสีฟ้า แล้วประทับตรารหัสว่า "M104" ซึ่งตำรวจคาดว่าเป็นการทำในรูปแบบใหม่เพื่อพรางตา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก อ.อรัญ ประเทศ ดำเนินคดีและสอบสวนขยายผลว่ายาอีดังกล่าวมาจากแหล่งไหนและจะนำไปส่งให้ใคร

ที่บช.ภ.ภาค 3 พล.ต.ต.กรกต สริยา รองผบช.ภ.ภาค 3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยเดช ปาน รักษา รองผบก.ภ.จว.นครราชสีมา พ.ต.อ. สนธยา แต่แดงเพชร ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา ร่วมแถลงผลการจับกุมแก๊งลักลอบค้ายาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้ผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายขวัญชัย หรือต๋อง ใจตรง อายุ 28 ปี ทำหน้าที่เป็นผู้รับเดินยาให้กับกลุ่มลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นในเขต เทศบาลนครนครราชสีมา อีกรายคือ นายรัตนพล หรือโอ๊ต ทิพย์มณี อายุ 27 ปี เอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้า 6,420 เม็ด และบัญชีเงินฝากของนายรัตนพล ที่มียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีหลายล้านบาท

โดยนายรัตนพลสารภาพว่า รับยาบ้ามาจาก เอเยนต์รายใหญ่จากพัทยา จ.ชลบุรี มาอีกทอดหนึ่ง โดยสั่งซื้อทางโทรศัพท์ ไม่เคยเห็นหน้า จากนั้นเอเยนต์จะนำยาบ้าใส่กล่องสุราต่างประ เทศ ที่มีโน้ตข้อความติดอยู่ข้างกล่องเป็นสัญลักษณ์ ไปวางไว้ตามที่ต่างๆ ซึ่งลับตาคน และนัดแนะให้ไปรับของทางโทรศัพท์ ซึ่งเมื่อได้รับของแล้วนายรัตนพลจะโอนเงินผ่านทางบัญชีเข้าบัญชี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนขยายผลต่อไป

ที่บช.น. พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต. สาโรจน์ พรหมเจริญ พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผบช.น. แถลงข่าวผลการจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 2 คดี

คดีแรก ตำรวจปส.บก.น.4 ร่วมจับกุมตัวนายจะกื่อ จะหยี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 9 ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้า 44,000 เม็ด รถจยย. ฮอนด้า คลิก หมายเลขทะเบียน ลรษ 865 กทม. และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ซอยอิน-จัน หมู่ 3 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ. สมุทรสาคร

พล.ต.ท.วินัยกล่าวว่า สืบเนื่องจากรับแจ้งจากสายลับว่าจะมีชายชาวไทยภูเขา 2 คน นัดส่งยาบ้ากันที่บริเวณป่าภายในซอยอิน-จัน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์กระทั่งพบ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น ระหว่างนั้นนายชัย ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางและควบคุมตัวนายจะกื่อไปสอบสวน ให้การรับสารภาพว่า รับจ้างจากนายชัยให้นำยาบ้ามาส่งตามจุดต่างๆ ได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท สำหรับยาล็อตดังกล่าวถูกลำเลียงมาทางเรือจากภาคเหนือและมาขึ้นฝั่งที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดี ต่อไป

อีกคดี ตำรวจบก.น.6 ร่วมกันจับกุมตัวนายเมี้ยะอู หรือใหม่ ชาวพม่า อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 12,800 เม็ด หลังจากสืบทราบว่านายเมี้ยะอูเป็นเอเยนต์ค้ายาบ้ารายใหญ่ในย่านรามคำแหง เขตบางกะปิ โดยติดต่อรับยาบ้ามาจากทางฝั่งพม่า ผ่านชายแดนอ.แม่สอด จ.ตาก

ที่บก.ภ.จว. แพร่ พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผบช.ภาค 5 แถลงข่าวผลการจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ โดยเมื่อวันที่ 8 พ.ค. เจ้าหน้าที่สนธิกำลังสกัด ขบวนการลำเลียงสุราเถื่อนและขบวนการค้ายาเสพติดผ่านในพื้นที่ เพื่อหลบหลีกด่านตรวจห้วยไร่ โดยใช้เส้นทางบ้าน น้ำกลาย ต.ป่าแดง ถนนสายป่าแดง จ.แพร่ และ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ สามารถจับกุม นายอานันท์ แซ่ลี อายุ 31 ปี พร้อมรถกระบะอีซูซุ ทะเบียน ถบ 2117 กทม. และของกลางยาบ้า 5 แสนเม็ด ซุกอยู่ในกระสอบฟาง สอบสวนนายอานันท์รับสารภาพว่ารับจ้างนายอาเจอ ที่เดินทางมาด้วยกัน แต่ไหวตัวทันหลบหนีไปขณะที่เจ้าหน้าที่เรียกตรวจ เป็นเงิน 4 แสนบาท ขนยาบ้าจาก อ.ดอยตุง จ.เชียงราย ไปส่งให้เอเยนต์ยารายใหญ่ที่ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมสอบสวนขยายผลต่อไป

ที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ. พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดผู้ต้อง หา 4 คน ประกอบด้วย น.ส.รัตตินาฎ หรือผึ้ง ปลอดช่วย อายุ 31 ปี นายมนชัย หรือชัย ชูเมฆ อายุ 39 ปี นายพิสิฐ หรือแจ้ ประเสริฐสังข์ อายุ 42 ปี และนายศณิศรณ์ หรือโอ๋ ธารมา อายุ 32 ปี ของกลางยาไอซ์ จำนวน 1,029.73 กรัม มูลค่า 3.5 ล้านบาท รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บพ 6843 สุราษฎร์ธานี 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยขยายผลจากการจับกุมนางขวัญเรือน กาเหว่าทอง อายุ 63 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ จำนวน 1.00 กรัม

สอบสวนเบื้องต้นนายคณิศรณ์สารภาพว่า เคยเป็นนักมวยไทยเก่า ชกประจำเวทีลุมพินีและราชดำเนิน โดยใช้ชื่อ "นฤมล เกียรติสิงห์น้อย" ศิษย์ค่ายมวยสิงห์น้อยศิลาชัย ก่อนจะตัดสินใจลาสังเวียนกลับมาทำอาชีพกรีดยางพาราที่บ้านพักพื้นที่ อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี และมาทำงานส่งยาให้กับนายโกสินพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ที่เป็นเครือ ข่ายยาเสพติดของเรือนจำนครศรีธรรมราช ซึ่งขณะนี้กำลังหลบหนีเจ้าหน้าที่อยู่



ข่าวสดรายวัน
วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXhNVEV3TURVMU5RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=
&day=TWpBeE1pMHdOUzB4TUE9PQ==
#927

'วีออส-วีโก้ -ดีแมคซ์'รถฮิตใบสังโจรกรุง

จยย.ด้วย เวฟ-ฟีโน่ 'ศปจร.น.' แจ้งเตือน


'เมธี กุศลสร้าง' รองผบช.น. เผยสถิติโจรกรรม 'รถยนต์-จยย.' ในกทม. ห้วง 2 ปีที่ผ่านมา พบ 'โตโยต้า- อีซูซุ' ซิวแชมป์หัวตารางในฐานะรถตกเป็นเหยื่อโดนลักขโมยหายสาบสูญไปจากท้องถนน อาคารบ้านเรือน และตามห้างร้านต่างๆ มากที่สุด โดยในฝั่งของโตโยต้า 'วีออส-ยาริส-วีโก้' โดนสอยหายไปมากสุด ส่วน 'ดีแมคซ์' กระบะยอดนิยมจากค่าย อีซูซุนั้นก็เป็นที่หมายตาของคนร้ายไม่แพ้กัน ส่วนจยย.ที่ถูกโจรกรรมสูงสุดสองยี่ห้อแรก คือฮอนด้าเวฟกับยามาฮ่าฟีโน่

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปจร.น.) แถลงเปิดเผยสถิติการโจรกรรมรถยนต์และจักรยานยนต์ในพื้นที่กทม. ระหว่างเดือนตุลาคม 2553 ถึงกันยายน 2544 รวมทั้งเดือนตุลาคม 2554 ถึงกุมภาพันธ์ 2555

พล.ต.ต.เมธีแถลงว่า ในห้วงตุลาคม 2553 ถึงกันยายน 2544 มีรถยนต์ทุกยี่ห้อถูกโจรกรรมในเขต กทม.ทั้งสิ้น 502 คัน ประกอบด้วยโตโยต้า 156 คัน คิดเป็นร้อยละ 31.08, อีซูซุ 150 คัน คิดเป็นร้อยละ 29.9, นิสสัน 53 คัน คิดเป็นร้อยละ 10.6, มิตซูบิชิ 41 คัน คิดเป็นร้อยละ 8.2, ฮอนด้า 39 คัน คิดเป็นร้อยละ 7.8 และอื่นๆ อีก รวม 63 คัน โดยรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ประเภทรถเก๋งโตโยต้าที่ถูกโจรกรรมนั้นพบว่าส่วนใหญ่เป็นรุ่นวีออสและยาริส ขณะที่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลหรือกระบะโตโยต้า จะเป็นรุ่นไฮลักซ์ วีโก้ ส่วนอีซูซุจะเป็นรุ่นดีแมคซ์ และนิสสันรุ่น ฟรอนเทียร์ โดยเฉพาะรถขับเคลื่อน 4 ล้อ

"สำหรับสถานที่เกิดเหตุโจรกรรมรถมากที่ สุด เรียงตามลำดับ ได้แก่ ถนน-ตรอก-ซอย เกิดเหตุ 232 คดี สวนสาธารณะ-ชุมชนเกิดเหตุ 145 คดี เคหสถาน เกิดเหตุ 71 คดี ห้างสรรพสินค้า-ร้านค้า เกิดเหตุ 30 คดี อู่ซ่อมรถยนต์ 15 คดี และช่วงเวลาเกิดเหตุรถยนต์ถูกโจร กรรมมากที่สุดระหว่าง 18.00-04.00 น. แยกเป็นช่วงเวลา 16.01-20.00 น. เกิดเหตุ 137 คดี เวลา 20.01-24.00 น. 121 คดี เวลา 00.01-04.00 น. 103 คดี เวลา 08.01-12.00 น. 48 คดี และเวลา 04.01-08.00 น. 47 คดี" พล.ต.ต. เมธีเผย

รอง ผบช.น.กล่าวว่า เหตุโจรกรรมจักร ยานยนต์เกิดขึ้น 3,509 คัน ยี่ห้อถูกโจร กรรมสูงสุด 5 อันดับ อันดับหนึ่ง คือ ฮอนด้า 2,021 คัน คิดเป็นร้อยละ 57.6 โดยเฉพาะรุ่นเวฟ หายมากสุด อันดับสองยี่ห้อยามาฮ่า 1,261 คัน คิดเป็นร้อยละ 35.9 โดยเฉพาะรุ่นฟีโน่ หายมากที่สุด อันดับสามยี่ห้อคาวาซากิ 71 คัน คิดเป็นร้อยละ 2 รุ่นเคเอสอาร์หายมากสุด ตามด้วยยี่ห้อซูซูกิ 37 คัน คิดเป็นร้อยละ 1.1 และอันดับห้า เวสป้า 7 คัน คิดเป็นร้อยละ 0.2 ยี่ห้ออื่นๆ รวม 112 คัน สถานที่ที่คนร้ายลงมือลักจักรยานยนต์มากที่สุด ได้แก่ ถนน-ตรอก-ซอย เกิดเหตุ 1,700 คดี สวนสาธารณะ-ชุมชน 1,114 คดี เคหสถาน 542 คดี ห้างสรรพสินค้า 100 คดี และสถานที่ราชการ 37 คดี

"ช่วงเวลาจักรยานยนต์หายมากที่สุดพบว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับรถยนต์หาย คือ ระหว่าง 18.00-04.00 น. แยกเป็น เวลา 16.01-20.00 น. เกิดเหตุ 911 คดี, เวลา 20.01-24.00 น. 837 คดี, เวลา 00.01-04.00 น. 800 คดี, เวลา 04.01-08.00 น. 333 คดี และเวลา 12.01-16.00 น. 324 คดี" รอง ผบช.น.ระบุ

จากนั้นพล.ต.ต.เมธีเปิดเผยถึงสถิติรถยนต์และจักรยานยนต์ถูกโจรกรรมสูญหาย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 ถึงกุมภาพันธ์ 2555 ว่า รถยนต์หายจำนวน 134 คัน แบ่งเป็นยี่ห้ออีซูซุ โดยเฉพาะรุ่นดีแมคซ์ 50 คัน, โตโยต้ารุ่นไฮลักซ์ วีโก้ 34 คัน, มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน 11 คัน, ฮอนด้า 9 คัน, นิสสันรุ่นฟรอนเทียร์ 6 คัน อื่นๆ 24 คัน หายไปจากสถานที่ต่างๆ ถนน-ตรอก-ซอย 70 คดี เคหสถาน 13 คดี อาคาร-ลานจอดรถ 7 คดี อาคารชุด-แฟลต 6 คดี สะพานคนข้าม 3 คดี ช่วงเวลาที่หาย 12.01-18.00 น. เกิดเหตุ 56 คดี เวลา 06.01-12.00 น.เกิดเหตุ 48 คดี เวลา 18.01-24.00 น.เกิดเหตุ 24 คดี และเวลา 00.01-06.00 น.เกิดเหตุ 6 คดี

ด้านรถจักรยานยนต์หาย 1,143 คัน แบ่งเป็นยี่ห้อฮอนด้า 662 คัน รุ่นเวฟหายมากที่สุด ยามาฮ่า 254 คัน รุ่นฟีโน่มากที่สุด คาวาซากิ 15 คัน เป็นรุ่นเคเอสอาร์มากสุด ซูซุกิ 7 คัน รุ่นสแมช ยี่ห้ออื่นๆ รวม 205 คัน หายไปจากถนน-ตรอก-ซอย เกิดเหตุ 550 คดี ลานจอดรถ 115 คดี อาคารชุด-แฟลต 105 คดี เคหสถาน 80 คดี ตลาด 31 คดี ช่วงเวลาที่จักรยานยนต์หายสูงสุด ช่วงเวลา 12.01-18.00 น. เกิดเหตุ 495 คดี เวลา 18.00-24.00 น. 296 คดี เวลา 06.01-12.00 น. 278 คดี และช่วงเวลา 00.01-06.00 น. 69 คดี


ข่าวสดรายวัน
วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdPREF4TURVMU5RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=
TWpBeE1pMHdOUzB3TVE9PQ==
#928
ป.ป.ส.ชักชวนชาวบ้านแจ้งเบาะแส นำจับ 25 นักค้ายานรกค่าหัวนับล้าน









ช่วงนี้ถือว่ารัฐบาลยังเดินหน้าสะสางปัญหายาเสพติดอย่างเอาจริงเอาจังต่อ เนื่อง เรียกว่าตกเป็นข่าวทางสื่อมวลชนเกือบทุกวัน ดูได้จากข่าวพาดหัวใหญ่เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา แผน “ปฏิบัติการสะท้านเมืองคอน” พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ประสานงานกับ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผวจ.นครศรีธรรมราช และ นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นำกำลังชุดเฉพาะกิจจากหลายหน่วยงานบุกจู่โจม เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ตรวจค้นกวาดล้างยาเสพติด หลังได้เบาะแสว่าเป็นจุดสั่งยาเสพติดรายใหญ่ของภาคใต้

เป็นจริงดังคาด ตรวจค้นพบทั้งยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย ที่สำคัญต้นตอการสั่งการ ก็คือ “โทรศัพท์มือถือ” นานาชนิด ทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ มากถึง 300 เครื่อง จับกุมได้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ หนำซ้ำตรวจค้นไปเพียงวันเดียว พอเข้าไปตรวจซ้ำอีก ยังพบโทรศัพท์มือถือตกค้างอีก 50 เครื่อง!!

แม้เจ้าหน้าที่จะลุยล้างทุกรูปแบบ แต่ก็ใช่จะปราบบรรดาแก๊งยานรกนี้ลงได้ง่าย ๆ?

ต้องยอมรับความจริงว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องในการจับกุมคดียา เสพติด ปัจจุบันคือคำซัดทอดของผู้ต้องหา ที่ส่วนใหญ่มักจะชอบอ้างว่า สั่งยาเสพติดมาจากเรือนจำ! ล่าสุดทำให้ทาง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม สั่งดึงหน่วยงานยุติธรรมในสังกัดเข้ามาร่วมสะสางปัญหาเรื่องนี้ ประกอบด้วย ป.ป.ส. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด), ปปง. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน) ,ป.ป.ท. (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต) และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งดูแลรับผิดชอบเรือนจำโดยตรง

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ทาง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ (ผอ.ศพส.) พร้อมด้วยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส. เสนอไอเดียแจ้งประกาศจับ นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 25 ราย รวมเงินรางวัลนำจับทั้งสิ้น 12 ล้านบาท เรียกว่าประกาศ
จับเหมือนกับในภาพยนตร์คาวบอยตะวันตก ที่มีการติดประกาศและตั้งค่าหัวบรรดาเหล่าร้ายทั้งหลายที่ทางการต้องการ ตัวอย่างมาก จุดประสงค์หลักเพื่อหวังดึงประชาชนช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาในการแจ้งเบาะแส คนร้ายที่ทางการต้องการตัวอย่างมาก

สำหรับโปสเตอร์ที่ ศพส.จัดทำขึ้นนั้น เป็นภาพ 25 นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ทำขึ้นมาทั้งหมดถึง 4 ภาษา คือ ภาษาไทย อังกฤษ พม่า และยาวี นอกจากแจกจ่ายให้กับบรรดาสื่อมวลชนแล้ว จากนั้นจะส่งไปติดประกาศตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสผ่าน ศพส. ได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะ ผอ.ศพส. ยืนยันหนักแน่นว่า การประกาศจับนักค้ายาเสพติดรายสำคัญทั้ง 25 รายในครั้งนี้ เกิดจากการบูรณาการร่วมกันของหลายหน่วยงาน เพื่อหวังทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด โดยใน 25 รายนั้น มีรายที่สำคัญคือ นายอุสมาน หรือ มัง สะแลแมง และ นายหน่อคำ ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งมีการตั้งรางวัลนำจับไว้รายละ
2 ล้านบาท ขณะนี้ทราบว่าทั้ง 2 ราย หลบหนีอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องจัดชุดปฏิบัติการ ระหว่างเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ร่วมกับ ตำรวจบช.ปส. ออกเป็น 36 ชุด ในการไล่ล่าจับกุมกลุ่มเครือข่ายนักค้ายาเสพติดตามประกาศจับ นอกจากนี้ยังได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำอยู่ในประเทศต้นทางยาเสพติด โดยต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมเป็นหูเป็นตาและต้องการทำลายเครือข่ายแกนนำ สำคัญ ในส่วนของเงินรางวัล เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส

“กรณีถ้าประชาชนเป็นผู้แจ้งเบาะแส จะจ่ายให้แก่ผู้แจ้งร้อยละ 60 และให้แก่เจ้าหน้าที่ร้อยละ 40 ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเอง จ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ร้อยละ 100 สำหรับเงินรางวัลจำนวน 12 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด” ผอ.ศพส. กล่าว

ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวทิ้งท้ายกับทีมข่าวอาชญากรรมว่า การปฏิบัติการไล่ล่าดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่ง เพื่อหวังดำเนินการสร้างแรงกดดัน หลังจากที่ได้เผยแพร่ประกาศจับนี้ ศพส.มีความมุ่งหวังให้ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส และร่วมเป็นพลังในการปราบปราม ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไปจากสังคมไทยและภูมิภาค.

ค่าหัว 25 นักค้ายานรก

1.รางวัลนำจับ 2 ล้านบาท (2 ราย) คือ นายอุสมาน หรือ มัง สะแลแมง, นายหน่อคำ (ไม่มีนามสกุล)

2.รางวัลนำจับ 1 ล้านบาท (3 ราย) คือ นายชัยวัฒน์ พรสกุลไพศาล หรือ ยี่เซ, นายประยุทธ หรือเมธี หงษาคำ หรือ แซ่หลี และ พ.อ.นะคำมวย/คำมวย (ไม่มีนามสกุล)

3. รางวัลนำจับ 5 แสนบาท (4 ราย) คือ นายชินวัชร์ หรือ บอส หรือ เอส นัยตรีมิตร, นางฟอง ปทุมณี, นายสุดเขตร์/สมศักดิ์/ศักดิ์ ปัญจขันธ์ และ นายรอดี หรือ ดี ยะโกะ

4. รางวัลนำจับ 3 แสนบาท (6 ราย) คือ นายไพรัช แดนชุติมาพาณิช หรือ แซ่หลี่ หรือ ประชา บัวเทศ,นายจายมูล ท้าวมูลละ, นายบุญเจริญ ระจา, นายสุรพล ประทุมตะ, นาย
จะเดาะ แอแส และนางสุภาพร คำศรีระภาพ

5. รางวัลนำจับ 2 แสนบาท (2 ราย) คือ นายเล่าหลู่ แซ่เจ๋า หรือ นายบุญรัตน์ จิรเมธีวัฒนกุล หรือ เสมี และนายยงศิลป์ แซ่ม้า

6. รางวัลนำจับ 1 แสนบาท (8 ราย) คือ นายอรรถพล พญาวงษ์, นายเด่น หรือใจ๋ พรมมาลี, นายศักดา หรือ ต๊อด หรือ แบงค์ เลิศรัศมิทัศน, นางสาวไรดา จาโก, นายมูฮำหมัดนูรี หะยีบากา, นายชาญไชย โจเวลลานอส, นายฐปนันท์ ธรรมรัตน์ธาดา และนายสุธรรม คุณดอย.


เดลินิวส์ออนไลน์
วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555 เวลา 00:00 น.
#929
กฎกระทรวงว่าด้วยการครอบครองและให้มีการครอบครองยาเสพติดภายใต้การควบคุมเพื่อการสืบสวนความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดพ.ศ.๒๕๕๕











#931
ประกาศแล้ว ! ยกระดับซูโดอีเฟดรีน เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2


ดาวน์โหลด
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/062/64.PDF


ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดปริมาณการมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ หรือประเภท ๒ พ.ศ. ๒๕๕๕

ดาวน์โหลด

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2555/E/062/62.PDF






#932
การฝึกอบรมข้าราชการตำรวจ ยศ ด.ต. อายุ 53 ปี ขึ้นไปเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรของ ศพฐ.5





















#933
ผงะจับยาบ้ามโหฬารเครือข่ายเล่าฟู มูลค่ากว่า1.2พันล้าน









        ทหาร-ตำรวจตั้งด่านตรวจระหว่างรอยต่อ อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เจอ จยย.-กระบะต้องสงสัยวิ่งผ่านมา เรียกค้นหลบหนีมีพิรุธ ไล่ล่าระทึก ไปเจอจอดทิ้งไว้ ตะลึงซุกยาบ้ากว่า4ล้านเม็ด เมื่อเวลา 01.30 น. วันนี้ (2 มี.ค.) พ.ต.อ.พศวีร์ โชติเทียนชัยวัต ผกก.สภ.แม่จัน จ.เชียงราย พ.อ.วัชรพงษ์ แก้วแจ้ง ผบ.ฉก.ทพ.31 นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ออกตั้งจุดตรวจจุดสกัดในบริเวณเส้นทางรอยต่อระหว่าง อ.แม่ฟ้าหลวง กับ อ.แม่จัน จำนวนหลายจุด ภายหลังได้รับรายงานว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดจะลักลอบขนยาเสพติดล๊อตใหญ่ผ่านเข้ามาในพื้นที่

ต่อมาขณะที่กำลังผสมตำรวจ-ทหาร ตั้งจุดตรวจภายในหมู่บ้านจะกอนะ หมู่ 19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน มีกลุ่มคนขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อ จำนวน 2 คัน และรถยนต์กระบะอีก 1 คัน ผ่านมา พอเรียกขอตรวจค้น กลับหลบหนีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงออกไล่ติดตาม จนพบจอดทิ้งอยู่ที่ริมถนนบ้านเย้าโป่งป่าแขม ซึ่งเป็นหมู่บ้านในเครือข่าย "เล่าฟู" พื้นที่หมู่ 20 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน

ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าพาหนะต้องสงสัยเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ค สีเทา หมายเลขทะเบียน บย 4409 ลำปาง ภายในมีกระเป๋าเป้สะพายสีเขียวกองอยู่เต็มกระบะจำนวน 34 เป้ เปิดออกดูถึงกับตะลึง มียาบ้าชนิดเม็ดสีส้มแพ็คมาอย่างดีจำนวนเป้ล่ะ 60 มัดๆล่ะ 2,000 เม็ด รวมยาบ้าทั้งหมดประมาณ 4,080,000 เม็ด จึงทำการตรวจยึดไว้

สำหรับผู้ครอบครองรถคันดังกล่าวคือ นายชิดพล บัวเงิน อยู่บ้านเลขที่ 188/1 หมู่ 7 ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นอกจากนี้ยังทราบว่าผู้ที่ขับรถกระบะขนยาบ้าลอตใหญ่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย จึงขยายผลบุกค้นบ้านผู้ต้องสงสัยและทำการติดตามตัว นายชิดพล มาสอบปากคำเพื่อความกระจ่างต่อไป.



เดลินิวส์ออนไลน์
วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2555 เวลา 10:33 น.


ที่มา : http://www.dailynews.co.th/crime/15280
#934
ชาวลำปาง เฮ ผลตรวจชัด ทองคำแม่น้ำวัง บริสุทธิ์สูงกว่าเยาวราช







ชาวลำปาง เฮ นักธรณีวิทยา เผยผลการตรวจสอบ ทองคำที่พบใน แม่น้ำวัง ต.วังแก้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง มีความบริสุทธิ์มากกว่า 98% ซึ่งสูงกว่าที่มีขายกันในย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร เสียอีก...


นายอดุลย์ ใจตาบุตร นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรณีวิทยา เขต 1 จ.ลำปาง เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ นำเครื่อง GPS และอุปกรณ์ตรวจสอบทองคำ ตรวจลักษณะทองคำที่ชาวบ้าน ใน อ.วังเหนือ จ.ลำปาง จำนวนมาก ที่นำอุปกรณ์ไปขุดร่อนหาทองคำ ภายในแม่น้ำวัง ต.วังแก้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ซึ่งขณะนี้แม่น้ำมีสภาพแห้งขอดว่า ทองคำที่ชาวบ้านร่อนหาได้มีลักษณะเป็นเกล็ดและไร มาจากภูเขาที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง ต.วังแก้ว ต.ทุ่งฮั้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง กับบริเวณบ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา ซึ่งทองดังกล่าวเกิดจากสารแร่น้ำร้อน ที่เกิดร่วมกับสารแร่ควอตซ์ ซึ่งทองคำที่ได้เป็นทองคำธรรมชาติบริสุทธิ์มากกว่า 98% ขึ้นไป ซึ่งถือว่าบริสุทธิ์มากกว่าที่มีจำหน่ายในย่านเยาวราช กรุงเทพมหานคร ในขณะนี้ด้วย


ไทยรัฐออนไลน์
2 กุมภาพันธ์ 2555, 09:55 น.

ที่มา:  http://www.thairath.co.th/content/region/235351
#935
สีกากีชั้นผู้น้อยเฮ!เปิดสอบเลื่อนติดดาว7พันอัตรา



สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดสอบตำรวจชั้นประทวน เลื่อนบรรจุเป็นสัญญาบัตร 7,000 อัตรา เพิ่มขวัญกำลังใจชั้นผู้น้อย วันนี้(23 ม.ค.) ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมอบหมายให้ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายส่งเสริมขวัญกำลังใจ ตำรวจชั้นผู้น้อยทั่วประเทศ ซึ่งมีอยู่ถึง จำนวน 1.7 แสนนาย ซึ่ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้ส่งเสริม เร่งรัด ตอบสนอง นโยบายรัฐและให้ความสำคัญกับ การบริหารทรัพยากรบุคคล เพิ่มคุณภาพชีวิต  เพิ่มโอกาสความก้าวหน้า ให้กับตำรวจชั้นผู้น้อยทั่วประเทศ อยู่โดยตลอดเวลามานั้น


ล่าสุด พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ. ได้เร่งประกาศให้บรรดาข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ ได้ทราบทั่วกันว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อนุมัติ ให้ทำการเปิดสอบคัดเลือก ข้าราชการตำรวจชั้นประทวน เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมแต่งตั้งเลื่อนชั้นเป็นสัญญาบัตร นับเป็นโอกาสอันดียิ่งของตำรวจชั้นผู้น้อย ที่จะมีโอกาสก้าวหน้า ใช้ความรู้ความสามารถ ความมานะพยายาม เขยิบฐานะตัวเองเพื่อเลื่อนเป็นชั้นสัญญาบัตร ติดดาว “เป็นร้อยตำรวจตรี” ดำรงตำแหน่ง รองสารวัตร ของ หน่วยงานต่างๆในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในสายงานป้องกัน ปราบปราม สายอำนวยการและสนับสนุน และสายสอบสวน จำนวนรวม 7,000 อัตรา


ณ บัดนี้ กระบวนการรับสมัครคัดเลือกได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยจะรับสมัครทางอินเตอร์เนต เว็บไซต์ www.policeadmission.com ตลอด 24 ชั่วโมง แห่งเดียวเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. ถึง 3 ก.พ. โดยได้กำหนดวันสอบข้อเขียน ( 1 วัน ) ไว้แล้ว เป็นวันที่ 11 มี.ค. การสมัครสอบแบ่งเป็นกลุ่มข้าราชการตำรวจ 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มข้าราชการตำรวจผู้มีวุฒิ ปริญญาตรี และกลุ่ม ข้าราชการตำรวจ ยศ ดาบตำรวจ หรือ     จ่าสิบตำรวจ ทั้ง เพศ ชายและหญิง โดยจัดให้มีการแยกหน่วยสอบ จำนวน 18 หน่วยสอบ คือ กองบัญชาการศึกษา กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานงบประมาณและการเงิน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ  และกองบินตำรวจ ซึ่งจุดสำคัญคือ ผู้สมัครต้องสมัครทางอินเตอร์เนตดังกล่าว ได้เพียงแห่งเดียวและครั้งเดียวเท่านั้น ก่อนสมัครสอบจึงต้องศึกษารายละเอียดจากประกาศรับสมัครของกองบัญชาการศึกษา หรือ หน่วยสอบ ทั้ง 18 หน่วยสอบ ให้เข้าใจชัดเจนอย่างถ่องแท้เสียก่อน



พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ. กล่าวว่า ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศและผู้สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับคำแนะนำ กระบวนการหรือวิธีการปฏิบัติทุกขั้นตอนตั้งแต่การรับสมัคร การเตรียมตัวสอบข้อเขียน สอบภาคความเหมาะสม การประกาศกำหนดการต่างๆ ทั้งวันเวลา สถานที่ โดยศึกษาได้จาก เว็บไซต์ www.rcm.edupol.org ซึ่งการสอบคัดเลือกในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการสอบเลื่อนตำแหน่งเป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ครั้งสำคัญยิ่งในรอบหลายปี ขอให้ตำรวจทุกคนใช้ความพยายาม เตรียมตัวสำหรับการสอบให้ดีที่สุด เพื่อใช้ความรู้ความสามารถ ให้เต็มประสิทธิภาพ เพราะเกณฑ์การตัดสิน อยู่บนมาตรฐานของหลักความรู้ความสามารถ หลักเสมอภาค หลักความโปร่งใส และหลักความยุติธรรม ตามปรัชญาและความเป็นจริง ของการบริหารงานจัดการสมัยใหม่ ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่แท้จริง




เดลินิวส์ออนไลน์
วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2555 เวลา 10:24 น.

ที่มา : http://www.dailynews.co.th/crime/8851
#936
ข่าวดี ! ผลวิจัย พบผักพื้นบ้านไทย คุณค่าเพียบ มีสารหลายชนิดป้องกันโรคมะเร็ง ชะลอแก่

   

นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านหลายชนิด ที่สามารถใช้เป็นยาและเป็นอาหารได้ เช่นสะเดา ผักแพว กระเพรา ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อาหารไทยยกกำลัง 2 ซึ่งมีลักษณะพิเศษต่างจากอาหารชาติอื่น จึงมีนโยบายให้สำนักโภชนาการ กรมอนามัย ทำการศึกษาวิจัยหาคุณค่าของผักพื้นบ้านที่คนไทยทั้ง4 ภาค นิยมกินกันอยู่ทั่วไปทั้งดอก ใบ ยอดอ่อน ฝัก ผล หัวและราก   เพื่อเผยแพร่สรรพคุณและส่งเสริมให้มีการนำมาเป็นอาหารบำรุงสุขภาพในปี2555 เพิ่มภูมิต้านทานโรค และจะให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเผยแพร่ส่งเสริมประชาชนใช้บริโภคและให้โรง พยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขนำมาปรุงเป็นอาหารของผู้ป่วย เป็นตัวอย่างประชาชน เมื่อออกจากโรงพยาบาลสามารถนำไปทำกินเองที่บ้านได้   


นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีผักพื้นบ้านมากกว่า 300 ชนิด ส่วนใหญ่จะขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่นริมห้วย หนองคลองบึง และป่าเขา ในการศึกษาผักพื้นบ้านในปี 2554 นี้   กรมอนามัยได้เก็บตัวอย่างผักพื้นบ้าน รวม 45 ชนิด  จาก 4 ภาค ประกอบด้วยภาคกลาง 12 ชนิด ภาคเหนือ6 ชนิด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5ชนิด และภาคใต้ 22 ชนิด  โดยศึกษาปริมาณสารอาหารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย 9 ชนิด ได้แก่ 1.พลังงาน  2.โปรตีน 3.ไขมัน 4.คาร์โบไฮเดรต 5.เบต้าแคโรทีน  6.วิตามินซี  7.ใยอาหาร 8.ธาตุเหล็ก และ 9.แคลเซียม


ผลการศึกษาเมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักทุก 100 กรัมเท่ากัน พบว่าผักพื้นบ้านของไทยทุกชนิดให้พลังงาน โปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรตน้อยมาก  จึงกล่าวได้ว่าผักเหล่านี้กินแล้วไม่ทำให้อ้วน ผักที่มีแคลเซียมสูงที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1.หมาน้อยมี 423 มิลลิกรัม 2.ผักแพวมี390 มิลลิกรัม 3.ยอดสะเดามี 384 มิลลิกรัม 4.กระเพราขาวมี 221 มิลลิกรัม 5.ใบขี้เหล็กมี 156 มิลลิกรัม 6.ใบเหลียงมี 151 มิลลิกรัม 7. ยอดมะยมมี 147 มิลลิกรัม   8.ผักแส้วมี 142 มิลลิกรัม 9.ดอกผักฮ้วนมี 113 มิลลิกรัม และ 10.ผักแมะมี 112 มิลลิกรัม โดยแคลเซียม มีบทบาทหลักคือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยในการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ หัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ยังช่วยในการแข็งตัวของเลือด และควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนบางชนิด


ผักที่มีธาตุเหล็กสูงสุด  5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ใบกระเพราแดงมี 15 มิลลิกรัม 2. ผักเม็กมี 12 มิลลิกรัม 3.ใบขี้เหล็กมี  6 มิลลิกรัม 4.ใบสะเดามี 5 มิลลิกรัม และ 5.ผักแพวมี 3 มิลลิกรัม ส่วนธาตุเหล็ก เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง เพื่อนำอ็อกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆในร่างกาย และมีบทบาทในด้านพัฒนาการและการเรียนรู้ สมรรถภาพในการทำงาน สร้างภูมิต้านทานโรค และเกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ ธาตุเหล็กจะถูกดูดซึมได้ดีต้องรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีควบคู่ด้วย 


ผักที่มีใยอาหารสูง 10 อันดับ ได้แก่ 1.ยอดมันปู มี16.7 กรัม 2.ยอดหมุย มี 14.2 กรัม 3. ยอดสะเดา มี 12.2 กรัม 4.เนียงรอก มี 11.2 กรัม 5..ดอกขี้เหล็ก 9.8 กรัม 6.ผักแพว 9.7กรัม 7.ยอดมะยม 9.4 กรัม 8.ใบเหลียง 8.8 กรัม 9.หมากหมก 7.7 กรัม และ 10.ผักเม่า มี 7.1 กรัม ซึ่งใยอาหารในผัก ทำให้ร่างกายขับถ่ายอุจจาระได้เร็วขึ้น ท้องไม่ผูก ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทำให้การดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง ส่งผลให้ลดระดับการใช้อินซูลิน นอกจากนี้ใยอาหารบางชนิด ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด


ผักที่มีเบต้าแคโรทีน สูง 10 อันดับ  ได้แก่ 1.ยอดลำปะสีมี 15,157 ไมโครกรัม 2.ผักแมะมี 9,102 ไมโครกรัม 3.ยอดกะทกรกมี 8,498 ไมโครกรัม 4.ใบกระเพราแดงมี7,875 ไมโครกรัม 5.ยี่หร่ามี 7,408 ไมโครกรัม 6.หมาน้อยมี 6,577 ไมโครกรัม 7.ผักเจียงดามี 5,905 ไมโครกรัม 8.ยอดมันปูมี 5,646 ไมโครกรัม 9.ยอดหมุยมี 5,390 ไมโครกรัม และ 10.ผักหวานมี 4,823 ไมโครกรัม  ส่วนผักที่มีวิตามินซีสูง 10 อันดับ ได้แก่ 1. ดอกขี้เหล็กมี 484มิลลิกรัม 2.ดอกผักฮ้วนมี 472 มิลลิกรัม 3.ยอดผักฮ้วนมี 351 มิลลิกรัม4.ฝักมะรุมมี 262 มิลลิกรัม 5.ยอดสะเดามี 194 มิลลิกรัม 6.ผักเจียงดามี 153 มิลลิกรัม7.ดอกสะเดามี 123 มิลลิกรัม 8.ผักแพวมี 115 มิลลิกรัม 9.ผักหวานมี 107 มิลลิกรัม และ 10.ยอดกะทกรกมี 86 มิลลิกรัม โดยทั้งเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี เป็นสารอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ลดการอักเสบ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกาย ทำให้ร่างกายแก่ชราช้าลงด้วย


นายแพทย์สมยศกล่าวอีกว่า การนำผักพื้นบ้าน ประจำถิ่นมาปรุงประกอบอาหาร นับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคโดยไม่ต้องพึ่งยาและสารเคมี ในแต่ละภาคของประเทศไทยมีผักพื้นบ้านสามารถเลือกรับประทานได้ตลอดปี และประชาชนควรเพิ่มการกินผักพื้นบ้านให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายแล้ว   ยังเป็นการอนุรักษ์ผักพื้นบ้านให้ลูกหลานรู้จักและบริโภคต่อได้


ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1325569772&grpid=03&catid=&subcatid=