เว็บบอร์ด ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5

หมวดหมู่ทั่วไป => เรื่องทั่วไป => หัวข้อที่ตั้งโดย: chusit เมื่อ 06 สิงหาคม 2012 09:51

ชื่อ: พลิกคดีปริศนา12ปี! ขืนใจฆ่าแหม่มคริสตี้ สยอง"เมืองเชียงใหม่" ญาติให้1ล้าน-จี้รื้
โดย: chusit เมื่อ 06 สิงหาคม 2012 09:51
พลิกคดีปริศนา12ปี! ขืนใจฆ่าแหม่มคริสตี้ สยอง"เมืองเชียงใหม่" ญาติให้1ล้าน-จี้รื้อคดี

คอลัมน์ แฟ้มคดี

(http://upic.me/i/d6/7zy3k.jpg) (http://upic.me/show/37993400)

แม้เวลาจะผ่านมากว่า 1 ทศวรรษแล้ว ในคดีฆาตกรรมปริศนา "น.ส.คริสตี้ ซาร่า โจนส์" นักศึกษาสาวชาวอังกฤษ วัย 24 ปี ที่พบศพในเกสต์เฮาส์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543

ทุกวันนี้ยังไม่สามารถคลี่คลายได้ว่าใครคือฆาตกร

ตำรวจเชียงใหม่ส่งสำนวนต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับผิดชอบ

ที่ผ่านมาสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย จะติดตามความคืบหน้าและส่งเรื่องจี้คดีมาเป็นระยะๆ

รวมทั้งล่าสุดที่แม่ของนักศึกษาสาวตัดสินใจเดินทางมาเมืองไทย พร้อมประกาศตั้งรางวัลนำจับถึง 1 ล้านบาท

คดีนี้จึงกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง!??

นำจับ1ล้าน-คดีแหม่มคริสตี้

หลังจากเงียบหายไปพักใหญ่ คดีฆ่าข่มขืนน.ส.คริสตี้ ซาร่า โจนส์ สาวชาวอังกฤษ เมื่อปี 2543 กลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้งเมื่อ นายอาซีฟ อาหมัด เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 (บช.ภาค5) เพื่อประสานขอรายละเอียดความคืบหน้าของคดีนี้

พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช. ภาค 5 ออกมาพบโดยรับทราบว่าในวันที่ 7 สิงหาคม นี้ นางซู และ นายแกเรจ โจนส์ มารดากับพี่ชายของน.ส.คริสตี้ จะเดินทางมาเมืองไทยและขอเข้าพบเจ้าหน้าที่

เบื้องต้นนางซู ประกาศตั้งรางวัลนำจับคนร้ายจำนวน 1 ล้านบาทด้วย!!

ครอบครัวโจนส์ ยังทำใจไม่ได้แม้เวลาจะผ่านมาถึง 12 ปีแล้ว เนื่องจากเป็นความสูญเสียสำคัญ โดยทุกๆ ปีแม่จะทำพิธีไว้อาลัยให้ลูกสาว และที่ผ่านมาพยายามประสานกับสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เพื่อให้ช่วยติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆ

ขณะที่พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวว่า คดีนี้มีอายุความ 20 ปี ปัจจุบันโอนสำนวนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอทำแล้ว แต่พนักงานสอบสวนในพื้นที่ยังสนับสนุนข้อมูลอยู่

"มีตำรวจสากลมาร่วม ทำคดีด้วยและรื้อคดีมาหลายครั้ง แต่ก็ติดขัดเรื่องหลักฐานและพยานแวดล้อม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติและกลับต่างประเทศไปแล้ว อีกทั้งพยานชาวไทยบางคนก็เสียชีวิตและหายสาบสูญไป ทำให้ยากต่อการสอบสวน" พล.ต.ต.ชำนาญ กล่าวและว่า คดีนี้ตำรวจสอบปากคำพยานไปแล้ว 80 ปาก แต่พยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุนั้นมีเพียงผู้ดูแลเกสต์เฮาส์และแม่บ้าน ซึ่งไม่มีน้ำหนักในการเอาผิดผู้ต้องหา จึงเป็นเรื่องยากที่จะสาวไปถึงผู้กระทำผิด โดยที่ผ่านมาเมื่อมีการร้องมาจากต่างประเทศหรือญาติผู้ตายก็ดำเ นินการให้ แต่ไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร

เจ้าของเกสต์เฮาส์ต้องสงสัย

รอง ผบช.ภาค5 กล่าวอีกว่าล่าสุดขอดูสำนวนเก่าที่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ภ.5 เมื่อครั้งอดีตได้ทำไว้มาตรวจสอบอีกครั้ง รวมทั้งขอข้อมูลจากสื่อมวลชนไทยเมื่อครั้งเกิดคดี เพื่อนำมาพิจารณาและเป็นแนวทางในการหาพยานหลักฐานใหม่

ทำให้ทราบเบื้องต้นว่าในวันเกิดเหตุพบศพที่อารีย์เกสต์เฮาส์ อ.เมืองเชียงใหม่ มีจุดบกพร่องหลายอย่าง อาทิ เมื่อพบศพผู้ตายปรากฏว่าไม่มีการกันให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่จน หลักฐานมั่วไปหมด

อย่างไรก็ตามถึงวันนี้ตำรวจยังคงพุ่งเป้าไปที่ผู้ ต้องสงสัยรายเดิมคือนายแอนดริว เจมส์ กิลล์ ซึ่งถือ 2 สัญชาติคืออังกฤษและไอร์แลนด์ เจ้าของอารีย์เกสต์เฮาส์ ที่เกิดเหตุนั่นเอง!!!

โดยนายแอนดริว ถูกตำรวจออกหมายจับและจับกุมได้เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2543 หรือราว 1 เดือนหลังเกิดเหตุ หลังพบเบาะแสบางอย่างที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับคดีนี้

แต่เพราะพยานหลักฐานมีน้ำหนักไม่พอทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง

โดยเจ้าหน้าที่ตัดสินใจเนรเทศออกจากเมืองไทยไป

กรณีนายแอนดริว ยังสร้างความปั่นป่วนให้วงการยุติธรรมเมืองไทย เพราะอดีตผู้ต้องหาเมื่อกลับถึงประเทศอังกฤษเปิดตัวให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ที่หลุดคดีมาได้เพราะจ่ายเงินไปถึง 1 ล้านบาท!!!

พร้อมโชว์หลักฐานการโอนเงินจากญาติที่อังกฤษไปเมืองไทยด้วย

หลังข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกมาทำให้ทางการไทย ทั้งตำรวจและอัยการตั้งกรรมการสอบสวนกันยกใหญ่

ตำรวจเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนรวมถึงเมียชาวไทยของ นายแอนดริว

สุดท้ายเมียนายแอนดริว สารภาพว่าเก็บเงินดังกล่าวไว้เอง โดยระบุว่าญาตินายแอนดริวส่งเงินมาให้จริง แต่เป็นค่าทนายความใช้จ่ายไปบางส่วน จนเมื่ออัยการสั่งไม่ฟ้องและตัดสินใจให้เนรเทศ จึงตัดสินใจอมเงินเอาไว้เพราะคิดว่านายแอนดริวคงไม่มาดูแลอีกแล้ว

แต่ไม่คิดว่าจะทำให้นายแอนดริว เข้าใจผิดว่านำเงินดังกล่าวไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยจึงหลุดคดีมาได้

พลิกคดีปริศนาฆ่าแหม่ม

น.ส.คริสตี้ ถูกพบเป็นศพเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2543 โดยแม่บ้านของอารีย์เกสต์เฮาส์พบเป็นคนแรก หลังใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปในห้องพักหมายเลข 4 เพื่อทำความสะอาด

ภาพที่เห็นคือแหม่มสาวนอนคว่ำหน้าเสียชีวิตในสภาพท่อนล่างเปลือย มีผ้ารัดอยู่ที่ลำคอ ลิ้นจุกปาก

แพทย์ระบุเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง

นอกจากนี้พบร่องรอยการร่วมเพศ น้ำอสุจิในช่องคลอด รวมทั้งขนเพชรจำนวนหนึ่ง จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบประวัติพบว่าน.ส.คริสตี้ เรียนจบปริญญาตรีด้านเทคนิคการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ เมื่อ 2 ปีก่อน จากนั้นตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลก

ล่าสุดแวะเที่ยวที่ประเทศกัมพูชา ก่อนเข้าเมืองไทยมาพักที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2543 และมีกำหนดเดินทางไปเที่ยวต่อที่เชียงราย แต่ถูกฆาตกรรมเสียก่อน

ตำรวจเรียกคนดูแลเกสต์เฮาส์และแม่บ้านมาสอบสวนเพิ่มเติม พบว่าเวลาประมาณตี 1 เศษ วันที่ 10 สิงหาคม ได้ยินเสียงแหม่ม คริสตี้มีปากเสียงกับชาวต่างชาติ โดยแหม่ม คริสตี้ตะโกนคำว่า "เก็ตเอาต์" หมายถึงไล่บุคคลต้องสงสัยออกจากห้อง

จากนั้นเสียงก็เงียบไป และไม่มีใครพบ เห็นแหม่มสาวอีกเลยกระทั่งแม่บ้านมาพบเป็นศพแล้ว

เจ้า หน้าที่เชิญตัวผู้ต้องสงสัยรวม 8 คนมีทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ และกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นแขกที่เข้าพัก และไกด์ชาวไทยกับชาวกะเหรี่ยงมาสอบสวน ขอเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอและขน เพชรนำไปตรวจพิสูจน์

จากข้อมูลที่ได้พบว่าหลังจากน.ส.คริสตี้ มาพักที่เกสต์เฮาส์ แวะเที่ยวตามสถานบันเทิงและสนิทสนมกับเพื่อนชาวต่างชาติด้วยกันหลายคน

รวมทั้งมีไกด์คนไทยที่พยายามตามจีบแหม่มสาว ซึ่งตำรวจก็เชิญตัวมาสอบปากคำแต่ไม่พบพิรุธ

บังคับหลับนอนก่อนสังหาร

ผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยที่สุดในช่วงแรกคือ นายนาธาน โฟเล่ ชาเล่ อายุ 26 ปี ถือหนังสือเดินทางอังกฤษและออสเตรเลีย ซึ่งพักอยู่ห้องหมายเลข 7 โดยพยานระบุว่านายนาธานสนิทสนมกับน.ส.คริสตี้ และมีคนเห็นเข้าไปในห้องของฝ่ายหญิงด้วย!??

ต่อมาตำรวจตามเจอตัวนาย นาธาน ให้การว่าสนิทกับแหม่มสาวเพื่อนร่วมชาติจริงและเคยเข้าไปในห้องพักด้วย แต่เพียงเข้าไปซ่อมพัดลมให้เท่านั้น

ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นายนาธาน ยังให้การแบบคลุมเครือ ในลักษณะสนิทสนมกันจริงแต่ไม่ได้เป็นการบังคับ

จนเมื่อเวลาผ่านไปผลการพิสูจน์ทางนิติเวชออกมาทั้ง 8 ผู้ต้องสงสัย ไม่พบว่ามีหลักฐานทางดีเอ็นเอตรงกับคราบอสุจิในช่องคลอดของเหยื่อสาวเลย!??

อย่าง ไรก็ตามในอีก 1 เดือนให้หลังตำรวจได้เบาะแสสำคัญเป็นคำให้การของคนดูแลเกสต์เฮาส์ ที่ออกจากงานในเวลาต่อมา โดยระบุว่าคืนก่อนพบศพที่ได้ยินเสียงทะเลาะกันในห้องน.ส.คริสตี้ จริงๆ แล้วเห็นคนในห้องด้วย!??

คนนั้นคือ นายแอนดริว เจมส์ กิลล์ เจ้าของเกสต์เฮาส์ที่เกิดเหตุ

แต่พยานระบุว่าไม่กล้าบอกเพราะกลัวตกงาน แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่เกสต์เฮาส์แล้วจึงตัดสินใจนำเรื่องนี้มาแจ้งกับตำรวจ

เจ้าหน้าที่จึงเริ่มเจาะข้อมูลนายแอนดริว พบว่ามาอยู่เมืองไทยหลายปีแล้วจนมีเมียชาวไทยและเปิดกิจการเกสต์เฮาส์ในเชียงใหม่

มีพยานระบุว่าวันเกิดเหตุนายแอนดริว อยู่ในเกสต์เฮาส์ด้วย

เจ้าหน้าที่เชิญตัวมาสอบปากคำและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ และน้ำอสุจิส่งตรวจ

ผลออกมาปรากฏว่าอสุจิไม่ตรงกับที่พบในศพ!??

อย่างไรก็ตามจากพยานหลักฐานตำรวจเชื่อว่านายแอนดริว น่าจะเป็นฆาตกร โดยพบว่านายแอนดริว ให้ความสนใจแหม่มสาวรายนี้เพราะเป็นผู้หญิงหน้าตาดี และคงเคยเห็นสนิทสนมกับเพื่อนต่างชาติแบบไม่ถือตัวตามสไตล์สาวตะวันตกทั่วไป

สันนิษฐาน ว่าวันเกิดเหตุแหม่มสาวอาจมีสัมพันธ์กับเพื่อนชายแล้วนายแอนดริวมาเห็นเข้า จึงเกิดอารมณ์ทางเพศ เมื่อเพื่อนชายกลับไปแล้ว นายแอนดริวจึงเข้าไปหมายขอร่วมหลับนอน แต่ฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วยจึงลงมือสังหาร

ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานออก หมายจับคุมตัวมาดำเนินคดี แต่เมื่อถึงชั้นอัยการ เห็นว่าพยานหลักฐานมีเพียงคำบอกเล่าของอดีตคนดูแลเกสต์เฮาส์ ที่อาจจะไม่พอใจที่ต้องออกจากงาน รวมทั้งเพิ่งมาให้ข้อมูลหลังเกิดเหตุพักใหญ่ จึงไม่มีความน่าเชื่อถือ

รวมทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เช่นอสุจิไม่ตรงกับที่พบในศพ จึงสั่งไม่ฟ้อง แต่ให้เนรเทศออกจากประเทศไทย

หลังจากนายแอนดริว พ้นข้อกล่าวหาคดีนี้ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะไม่พบเบาะแส ผู้ต้องสงสัยรายอื่นอีกเลย

ผ่านมา 12 ปีคดีนี้ยังเป็นปริศนาที่แก้ไม่ได้!??


ข่าวสดรายวัน
วันที่ 05 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ที่มา : http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERTJNVEExTURnMU5RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=
TWpBeE1pMHdPQzB3TlE9PQ==